เวียดนามยังคงมุ่งเพิ่มการผลิตและการส่งออกเหล็ก แม้สหรัฐฯ ปรับใช้มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act 1962 (ซึ่งเป็นการปรับใช้ภาษีร้อยละ 25 สําหรับเหล็กนําเข้า และร้อยละ 10 สําหรับอะลูมิเนียมนําเข้า) ขณะที่ผู้ผลิตเหล็กเอเชียรายอื่น ๆ กําลังปรับลดการส่งออก [su_spacer size=”20″]
ในปี 2561 สหรัฐฯ นําเข้าเหล็กจากเวียดนาม 1.11 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ร้อยละ 48 และคิดเป็นร้อยละ 4.3 ของเหล็กที่สหรัฐฯ นําเข้าทั้งหมด (ในปี 2560 เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาดในเหล็กนําเข้าของสหรัฐฯ ร้อยละ 2.5)
สาเหตุของการผลิตเหล็กในเวียดนามที่เพิ่มขึ้นมาจากบริษัท Formosa Ha Tinh Steel Corporation เปิดเตาหลอมโลหะแห่งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2561 ซึ่งเพิ่มกําลังการผลิตเหล็กดิบ (Crude steel) ขึ้นเป็น 7 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ บริษัท Hoa Phat ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม กําลังก่อสร้างเตาหลอมโลหะในเขตเศรษฐกิจ Dung Quat จ. กว่างหงาย คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มการผลิตได้ภายในช่วงปลายปี 2562 กําลังการผลิตเหล็กดิบ 4 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้ Formosa Ha Tinh Steel Corporation มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ได้แก่ บริษัท Formosa Plastic (ร้อยละ 70) บริษัท China Steel Corporation (ร้อยละ 25) และบริษัท JFE Steel (ร้อยละ 5)
ในปี 2561 เวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์จากเหล็กรวมทั้งสิ้น 6.26 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณในปี 2560 (4.71 ล้านตัน) ร้อยละ 33 ขณะเดียวกัน เวียดนามนําเข้าเหล็กรวม 13.5 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10 ทั้งนี้ ปริมาณการส่งออกและการนําเข้าที่สวนทางกัน เป็นผลจากปริมาณผลผลิตภายในประเทศที่สูงถึง 24.19 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 โดยการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนมีปริมาณเพิ่มขึ้นสูงสุด ประมาณ 2.5 เท่า จาก 1.38 ล้านตัน ในปี 2560 เป็น 3.44 ล้านตัน ในปี 2561
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เวียดนามได้มองการปรับใช้ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดของสหรัฐฯ ว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ เวียดนามมากนัก เนื่องจากอัตราการใช้เหล็กภายในประเทศค่อนข้างสูง และเวียดนามเน้นการส่งออกไปยังอาเซียน (โดยเฉพาะกัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย) ซึ่งมีส่วนแบ่งในการส่งออกมากกว่าร้อยละ 50 อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 มีส่วนแบ่งในการส่งออกเหล็กของเวียดนามประมาณร้อยละ 11
นอกจากนี้ เวียดนามอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการปรับใช้ภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดของสหรัฐฯ มากกว่าผลกระทบจากทางตรง โดยเฉพาะเมื่อประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ เปลี่ยนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มายังเวียดนามแทน เพราะเวียดนามมีความต้องการนําเข้าวัตถุดิบเหล็กในปริมาณสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็ก และตลาดเหล็กภายในประเทศ ซึ่งในปี 2561 ภาคอุตสาหกรรมสาขาเหล็กของเวียดนามมีการขาดดุลการค้าอยู่ถึงประมาณ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย