เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 หอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) ร่วมกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ได้เปิดเผยรายงานดัชนีความสามารถในการแข่งขันระดับจังหวัด (Provincial Competitive Index: PCI) และดัชนีการจัดการสีเขียวระดับจังหวัด (Provincial Green Index: PGI) ปี 2566 จากการสํารวจและรวบรวมข้อมูลจากบริษัทจํานวน 10,676 ราย ประกอบด้วย บริษัทเวียดนาม 9,127 ราย และบริษัทต่างชาติ 1,549 ราย
รายงานดัชนีความสามารถในการแข่งขันระดับจังหวัด (Provincial Competitive Index)
หรือ รายงาน PCI จัดทํามาตั้งแต่ปี 2548 มีเป้าหมายเพื่อประเมินคุณภาพการกํากับดูแลทางเศรษฐกิจ ความเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และผลการปฏิรูปการบริหารระดับจังหวัด โดยจังหวัดที่มีดัชนี PCI สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ จ. กว๋างนิญ (อันดับ 1 เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน) ตามมาด้วย จ. ล็องอาน นครไฮฟอง จ. บั๊กซาง จ.ด่งท้าป จ. บ่าเสียะ-หวุงเต่า จ. เบ๊นแจ จ.เถื่อเทียนเว้ จ. เหิ่วซาง และ จ. ฝูเถาะ ในขณะที่นครโฮจิมินห์และกรุงฮานอยอยู่ในอันดับที่ 27 และ 28 ตามลําดับ ทั้งนี้ จังหวัดในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อย่างเบ๊นแจและเหิ่วซาง ได้รับการจัดอันดับ PCI สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
รายงานดัชนีการจัดการสีเขียวระดับจังหวัด (Provincial Green Index) หรือ รายงาน PGI จัดทําครั้งแรกเมื่อปี 2565 ภายหลังการเยือนเวียดนาม ของนาง Kamala Harris รองประธานาธิบดีของ สหรัฐฯ เมื่อปี 2564 เพื่อสนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อม และสร้างความสมดุลระหว่างการบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้กับจังหวัดต่าง ๆ ในเวียดนาม โดยจังหวัดที่มีดัชนี PGI สูงที่สุด คือ จ.กว๋างนิญ ตามมาด้วย นครดานัง จ.ด่งนาย จ. ฮึงเอียน นครโฮจิมินห์ จ. เตยนิญ นครไฮฟอง จ. บ่าเสียะ-หวุงเต่า จ. ห่านาม และ จ. หวิญล็อง

นอกจากนี้ พื้นที่ที่ได้รับ FDI สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ นครโฮจิมินห์ นครไฮฟอง จ. กว๋างนิญ จ. บั๊กซาง จ. ท้ายบิ่ญ กรุงฮานอย จ. บั๊กนิญ จ. เหงะอาน จ. บิ่ญเซือง และ จ.ด่งนาย (รายงานเก็บข้อมูลจากบริษัทสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน)
รายงานดังกล่าวระบุว่า หน่วยงานส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นของเวียดนามได้มีความพยายามออกนโยบายสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออํานวยต่อการดําเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จําเป็น รวมทั้งการนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการภาครัฐ
ในส่วนของภาคเอกชนที่ร่วมการสํารวจ ร้อยละ 77 ระบุว่าว่าการดําเนินการผ่านระบบออนไลน์นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้เอกสาร ในส่วนของอุปสรรค เอกชนยังต้องเผชิญกับอุปสรรคการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การแปรผันของระบบตลาด การหาลูกค้า หุ้นส่วนทางธุรกิจ และบุคลากรที่เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก อัตราเงินเฟ้อ และมาตรการการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
การจัดอับดับ PCI และ PGI เป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้บรรดาจังหวัดในเวียดนาม มีความกระตือรือต้นในการแข่งขันและเร่งพัฒนาการอํานวยความสะดวกในการดําเนินธุรกิจและการลงทุนของภาคเอกชน โดยนักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลจากรายงาน PCI และ PGI เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนได้ ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายงาน PCI & PGI ประจําปี 2566 ฉบับเต็มได้ที่ https://pcivietnam.vn/en
และสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ รายงาน PCI และ PGI จาก ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ได้ทาง https://thaibiz-vietnam.com/economy/vcci-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B5-pci-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-pgi-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2566/
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย