ในการประชุมเพื่อติดตามทบทวนแผนแม่บทการพัฒนานครดานังเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 ที่กรุงฮานอย โดยมีนาย Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นประธาน คณะกรรมการประชาชนนครดานังรายงานว่า ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าวนครจะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานโลกและเป็นประตูสู่ระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก – ตะวันตก (East – West Economic Corridor – EWEC) อีกทั้งนครยังต้องการพัฒนาเป็นเขตชุมชนเมืองพิเศษโดยมีวิสัยทัศน์ระยะยาวในการเป็นเมืองนานาชาติ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2573 จะมีประชากร 1.79 ล้านคน และมีพื้นที่เขตชุมชนเมือง 31,800 เฮกตาร์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 32 ของพื้นที่ของนคร
.
โดยการจัดทำแผนพัฒนานี้ คณะผู้บริหารนครดานังที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ และรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนในการจัดทำ เพื่อให้นครดานังมุ่งไปสู่การเป็นนครที่มีความพิเศษของเวียดนาม ทั้งในแง่ระดับคุณภาพและการพัฒนาของนครที่สูงขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังสนับสนุนให้พัฒนานครดานังเป็นเมืองผู้นำด้านการท่องเที่ยวศูนย์กลางเศรษฐกิจทางทะเล เป็นประตูสู่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก และเมืองน่าอยู่และปลอดภัย รวมถึงให้ความสำคัญกับการบำบัดของเสีย การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นอีกด้วย
.
สำหรับประเทศไทยนั้นมี 7 จังหวัดที่อยู่ในแนวพื้นที่พัฒนา EWEC ได้แก่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์ด้านการค้า การลงทุนระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญกับนครดานังมากขึ้นยังถือเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในนครดานัง ที่ถึงแม้ในปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างมาก แต่ด้วยแรงสนับสนุนของรัฐบาลเวียดนาม ทำให้คาดว่าในระยะยาวการท่องเที่ยวของนครดานังจะฟื้นตัวกลับมาได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี การที่เวียดนามได้หันมาให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่จะต้องมีการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของประเทศเพื่อนบ้านให้ทันท่วงที เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังประเทศไทยต่อไป
.
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
