นครโฮจิมินห์มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม E-commerce สําหรับธุรกิจแบบ Business-to-Business (B2B) ซึ่งลดการพึ่งพาต่างชาติ และเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการของเวียดนาม
ศูนย์ส่งเสริมการลงทุนและการค้านครโฮจิมินห์ (ITPC) และ บริษัท Arobid Technology ได้ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์ม E-commerce เพื่อรองรับการทําธุรกิจระหว่างประเทศของผู้ประกอบการเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาต่อแพลตฟอร์ม E-Commerce จากต่างชาติ เช่น Alibaba (จีน) Amazon (สหรัฐฯ) และ 1688 (จีน) ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเวียดนามที่ต้องการทําการค้าระหว่างประเทศจําเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยการพัฒนาแพลตฟอร์ม E-Commerce ในครั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดให้ผู้ประกอบการเวียดนาม 20,000- 30,000 ราย เข้าร่วมแพลตฟอร์ม E-Commerce แบบ B2B ของ Arobid.corn และสนับสนุนการลงทะเบียนแสดงสินค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงช่วยเชื่อมโยงกับผู้ซื้อจากต่างประเทศซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการค้าและการขยายตลาดไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปี 2565 มูลค่าของตลาด E-commerce แบบ B2B ในเวียดนามอยู่ที่ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ราคาค่าเช่าสำนักงานในนครโฮจิมินห์สูงสุดในรอบ 5 ปี
จากรายงานล่าสุดของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ JILL Vietnam เผยว่า ในปี 2567 เป็นปีที่สร้างสถิติใหม่สําหรับตลาดสำนักงานในนครโฮจิมินห์ ทั้งในแง่ของราคาค่าเช่าและการดูดซับ โดยเฉพาะอาคารสำนักงานระดับ Premium ในพื้นที่ใจกลางเมืองของนครฯ พุ่งแตะ 67 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 จากปี 2566 และถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี ในขณะที่ราคาเช่าสำนักงานในนครฯ โดยเฉลี่ยทุกระดับ อยู่ที่ 36 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับปี 2566
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทําให้ราคาค่าเช่าสำนักงานในนครฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเหตุมาจาก (1) อุปสงค์สูง (2) มาตรฐานอาคารสูงขึ้น และ (3) พื้นที่ว่างลดลง
โดยพบว่าผู้ประกอบการญี่ปุ่นมีความต้องการเช่าสำนักงาน ในนครฯ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 19 ของบริษัทกว่า 75 แห่งที่ได้ลงนามสัญญาเช่าสำนักงานใหม่ รองลงมา ได้แก่เวียดนาม เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ขณะที่ภาคธุรกิจ ด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารยังคงเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความต้องการการเช่า สำนักงานมากที่สุด (คิดเป็นร้อยละ 30 ขอพื้นที่ดูดซับทั้งหมด) รองลงมา ได้แก่ ภาคธนาคารและการเงิน การค้าปลีก และอุตสาหกรรมยา
นครโฮจิมินห์เตรียมลดขั้นตอนการบริหารจัดการลงอย่างน้อยร้อยละ 30 เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจ
นาย Nguyen Van Duoc ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับลดเวลาการดําเนินการและขั้นตอนการบริหารจัดการที่ไม่จําเป็นลงอย่างน้อยร้อยละ 30 เพื่อช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ สําหรับประชาชนและผู้ประกอบการและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาของ SME นอกจากนี้ นาย Nguyen Van Duoc ยังขอให้มีการส่งเสริมการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้มีประสิทธิผลมากขึ้น รวมทั้งจัดการการทุจริต ต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและนักลงทุน
โดยปัจจุบัน นครฯ มีผู้ประกอบการมากกว่า 500,000 ราย โดย 2 เดือนแรกของปี 2568 มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ 3,900 แห่ง ในขณะที่นครฯ ยังคงสามารถดึงดูด FDI มูลค่า 365.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567
นครโฮจิมินห์พัฒนานโยบาย “One-Stop Service” เพื่อเพิ่มระบบนิเวศการลงทุนสําหรับธุรกิจ Start-up อย่างยั่งยืน
กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนครโฮจิมินห์ ประกาศโครงการคัดเลือกและบ่มเพาะ Start-up ด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ประจําปี 2568 โดยนครฯ ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้า ได้แก่ (1) มีจํานวนบริษัทด้านนวัตกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปัจจุบัน (2) เพิ่มงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นร้อยละ 3 ของรายจ่ายงบประมาณทั้งหมด และ (3) เพิ่มอัตราการจดสิทธิบัตร เป็นร้อยละ 16-18 ต่อปี
ทั้งนี้ นครฯ จะมุ่งเน้นการพัฒนา 3 ด้านสําคัญ ได้แก่ (1) นโยบายลดความซับซ้อนของขั้นตอนการบริหาร และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงนโยบาย ที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมธุรกิจ Start-up ด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ อาทิ นโยบาย “One-Stop Service” (2) โครงสร้างพื้นฐาน โดยลงทุนพัฒนาพื้นที่ทํางานส่งเสริมการสร้างเครือข่ายศูนย์วิจัยกองทุนการลงทุน และหน่วยงานที่สนับสนุนธุรกิจ Start-up และ (3) ทรัพยากรมนุษย์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ พัฒนารูปแบบ “Start-up University ตลอดจนมีแผนส่งเสริมและปรับปรุงศักยภาพการดําเนินธุรกิจ Start-up สําหรับแรงงานและชุมชนธุรกิจที่มีอยู่ ผ่านการเชื่อมโยงกับสถาบันฝึกอบรม โครงการเฉพาะทางและกลไกสนับสนุนที่ยืดหยุ่นและเป็นรูปธรรม
ที่มา : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
