1. สหรัฐอเมริกาและเวียดนามบรรลุการเจรจานโยบายทางการเงิน
.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หารือผ่านระบบออนไลน์กับผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติเวียดนามเพื่อเจรจาเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน โดยฝ่ายสหรัฐฯ ระบุว่าเวียดนามยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดขององค์การการเงินระหว่างประเทศว่าด้วยการไม่บิดเบือนค่าเงิน เพื่อป้องกันการปรับดุลชำระเงินหรือสร้างผลประโยชน์อย่างไม่เท่าเทียมและไม่ลดค่าเงินสกุลเวียดนามดอง นอกจากนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ เรียกร้องให้ธนาคารแห่งชาติเวียดนามปรับค่าเงินอย่างยืดหยุ่นตามช่วงเวลาเพื่อให้ค่าเงินดองแปรผันตามสถานการณ์ตลาดและตัวแปรทางเศรษฐกิจพื้นฐานของเวียดนาม
.
2. เวียดนามนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
.
กรมศุลกากรเวียดนามรายงานว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เวียดนามนำเข้ารถยนต์ประกอบสำเร็จรวม 81,107 ตัน มูลค่า 1,838 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ในเชิงปริมาณเพิ่มขึ้น ร้อยละ 100.5 และในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 100.3 รายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ขีดความสามารถในการซื้อรถยนต์ของเวียดนามมีปริมาณรวม 150,481 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ร้อยละ 40
.
3. รายได้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนามเติบโต ร้อยละ 22
.
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนามมีรายได้รวมประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ร้อยละ 22 โดยเป็นรายได้จากฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 57,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเทคโนโลยีการสื่อสาร 2,860 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.29) ทั้งนี้ กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนามตั้งเป้าให้ในปี 2564 รายได้จากอุตสาหกรรมในสาขาดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 14
.
4. รายได้ e-Commerce เวียดนามเติบโตร้อยละ 18
.
สมุดปกขาวการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจัดทำโดยกรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้สาขา e-Commerce ของเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2566 มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้าoดอลลาร์สหรัฐ และปี 2563 มีมูลค่า 11,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18
.
5. การส่งออกอาหารทะเลจากเวียดนามไปสหภาพยุโรปอาจชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
.
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 การส่งออกอาหารทะเลไปยังสหภาพยุโรปอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะในจังหวัดลุ่มน้ำโขง และปัญหาใบเหลืองการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) สมาคมผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลประเมินว่าการส่งออกอาหารทะเลไปยังตลาดดังกล่าวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะเติบโตน้อยกว่าในครึ่งปีแรก และจะมีมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 และมีมูลค่ารวมการส่งออกของปี 2564 เป็น 1,087 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13
.
จะเห็นได้ว่า ในช่วงครึ่งหลังของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการสรุปตัวเลขด้านเศรษฐกิจของเวียดนามในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อุตสาหกรรมยานยนต์ และธุรกิจ e-Commerce ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกรถยนต์ รวมไปถึงชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ ที่ยังคงมีแนวโน้มในการส่งออกสินค้าไปยังเวียดนามได้มากขึ้น นอกจากนี้ การที่เวียดนามอาจเผชิญปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการประมง ซึ่งส่งผลทำให้สามารถส่งออกอาหารทะเลได้น้อยลงนั้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมนี้ควรพิจารณาปรับปรุงพัฒนา และรักษามาตรฐานด้านการประมง เพื่อจะได้สามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกอาหารทะเลได้ต่อไป
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย