เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้จัดเสวนาในหัวข้อ “สงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนระลอกใหม่ กับโอกาสและความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทย” โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
สหรัฐอเมริกามีมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยมุ่งเน้นสินค้าประเภทรถยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ สินค้าพลังงานสะอาด (เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ แบตลิเธียมไอออน) และสินค้าอื่น ๆ (เหล็กและอลูมิเนียมบางชนิด) อย่างไรก็ดี มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ อาจไม่กระทบต่อการส่งออกของจีนโดยตรง เนื่องจากสินค้าของจีนเหล่านี้มีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาที่ค่อนข้างต่ำ แต่ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาออกมาตรการนี้ อาจเพื่อต้องการส่งสัญญาณกดดันไปยังประเทศพันธมิตรให้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน และเพื่อหวังผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาในปีนี้ด้วย
ผลกระทบที่อาจเกิดต่อผู้ประกอบการไทย
จากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา – จีนดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ ได้แก่ (1) Supply Chain Disruption ทั้งในด้านการขาดแคลนวัตถุดิบและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าพลังงานสะอาด (2) การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนและอาเซียนอาจลดลง เนื่องจากความต้องการสินค้า/การผลิตสินค้าของจีนลดลง จะทำให้อาเซียนซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของจีนลดกําลังการผลิต และลดนําเข้าชิ้นส่วน/สินค้าจากไทย (3) การไหลทะลักของสินค้าจากจีนเข้าสู่ไทย มาตรการของสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐอเมริกาลดลง และเกิดอุปทานส่วนเกินขึ้น จึงทำให้จีนอาจเลือกทุ่มสินค้ามายังตลาดอาเซียนและไทยได้ และสินค้าไทยอาจไม่สามารถแข่งขันทั้งในด้านราคาและคุณภาพกับสินค้าจีนได้ จึงอาจนําไปสู่การปิดตัวทางธุรกิจ และ (4) การส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกามีความซับซ้อนด้านกฎระเบียบมากขึ้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาอาจเข้มงวดการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าเพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าเหล่านั้นไม่ได้ผลิตในจีนและอาศัยการส่งออกผ่านประเทศที่สาม
ขณะที่อานิสงส์ในเชิงบวก ได้แก่ (1) โอกาสการส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ Hard Disk Drive (HDD) และผลิตภัณฑ์ยาง แต่ยังคงต้องเผชิญความท้าทายจากประเทศคู่แข่ง เช่น เม็กซิโก และเวียดนาม และ (2) โอกาสด้านการลงทุน โรงงานต่าง ๆ ที่ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้อง อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมาตรการของสหรัฐอเมริกา และเพื่อรักษาตลาดของตนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นโอกาสของไทยในการดึงดูดภาคธุรกิจที่ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนให้มาตั้งฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐอเมริกาได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าในการส่งออกสูง
สรุป
จากข้างต้น ไทยควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐอเมริกาต่อจีนดังกล่าว โดยภาคเอกชนควร (1) สร้างความหลากหลายของตลาด/สํารวจตลาดใหม่ (2) จัดการห่วงโซ่อุปทาน/หา Supplier ทางเลือก (3) เสริมสร้างตลาดภายในประเทศ และ (4) เพิ่มการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง
สำหรับภาครัฐควร (1) ทบทวน/ปรับปรุงกฎระเบียบในการลงทุนที่ควรเอื้ออํานวยให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น (2) สนับสนุนการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะและความสามารถสูง (3) ส่งเสริมการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และ (4) มีมาตรการสนับสนุน SMEs
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
ที่มา: งานเสวนาสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนระลอกใหม่ กับโอกาสและความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทย