หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไต้หวัน Economic Daily News ได้รายงานบทสัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีไต้หวัน โดยแบ่งเป็นนโยบายกระตุ้นการส่งออก 3 ประการ และนโยบายกระตุ้นอุปสงค์ภายใน 5 ประการ ดังนี้[su_spacer size=”20″]
นโยบายส่งเสริมการส่งออก 3 ประการ [su_spacer size=”20″]
(1) ส่งเสริมให้ลงทุนในไต้หวัน เพิ่มการผลิตเพื่อการส่งออก
(2) แก้ปัญหาภาษีศุลกากร เข้าร่วมองค์กรเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เช่น CPTPP
(3) เสริมสร้างเสถียรภาพให้แก่ค่าเงิน
นโยบายกระตุ้นอุปสงค์ภายใน 5 ประการ [su_spacer size=”20″]
(1) ผลักดันแผนพัฒนาระบบธนาคาร
(2) จัดทํางบประมาณปีหน้า (2562) เกินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน เป็นครั้งแรก
(3) ผลักดันการปฏิรูปผังเมือง
(4) ปฏิรูปพลังงาน
(5) ผลักดันระบบ การดูแลผู้สูงวัยระยะยาว 2.0 [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไต้หวันยังได้ระบุถึงแผนการส่งเสริมศักยภาพความสามารถในการแข่งขันของไต้หวันว่า รัฐบาลจะเร่งผลักดันให้มีการศึกษาภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายการพัฒนาไต้หวันให้กลายเป็นประเทศที่มีภาษาทางการ 2 ภาษา ตามที่สภาอุตสาหกรรม ไต้หวันได้เรียกร้อง [su_spacer size=”20″]
ส่วนการรับมือกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้น นายกรัฐมนตรีไต้หวันระบุว่า แม้ระลอกแรกและระลอกที่ 2 ที่มีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อไต้หวันไม่มากนั้น แต่ระลอกล่าสุดมีมูลค่าถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระทรวงเศรษฐการไต้หวันจึงได้จัดตั้งคณะทํางาน เพื่อติดตามและหามาตรการรับมือที่เกิดจากผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแล้ว [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2561 จะมีเอกชนร่วมลงทุนโครงการสาธารณูปโภค 90,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน โดยกรมส่งเสริมภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการสาธารณูปโภค กระทรวงการคลัง ไต้หวัน รายงานว่า จนถึงเดือนกรกฎาคม 2561 มีภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการสาธารณูปโภคของรัฐแล้ว จํานวน 39 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 65,700 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน จึงคาดว่า ตลอดทั้งปีจะมีมูลค่ารวมเกิน กว่า 90,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน เนื่องจากในช่วงปลายปี 2561 ยังมีโครงการโรงงานกําจัดน้ำเสียที่นครเกาสง ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ [su_spacer size=”20″]
สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย