เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 63 UNCTAD ได้เวียน Investment Trends Monitor ฉบับพิเศษ หัวข้อ “Impact of the COVID-19 Pandemic on Global FDl and GVCs-updated Analysis” รายละเอียดตามเอกสารแนบสรุปดังนี้
[su_spacer]
1. ภายหลังจากบทวิเคราะห์เรื่อง FDI ฉบับแรก ตามที่อ้างถึงบริษัทข้ามชาติ (MNEs) ได้ ปรับประมาณการรายได้ลดลงเพิ่มเติมเป็นจํานวนมาก UNCTAD จึงได้ปรับข้อวิเคราะห์ โดยคาดว่า การระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อ FDI flows ประมาณ -30% ถึง -40% ระหว่างปี 63-64 (จากที่เคยได้ประเมินผล กระทบฯ ที่ -5% ถึง -15%) และ Mergers & Acquisitions (M&A) ทั่วโลกจะลดลง 70% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563
[su_spacer]
2. UNCTAD วิเคราะห์ว่า global recession และ global demands ที่ลดลงอย่างมาก จะมีผลต่อ FDI มากกว่าผลกระทบของการระบาดต่อห่วงโซ่การผลิต (ที่เกิดจากการหยุดงานในจีนและเอเชียตะวันออก) เพราะ reinvested earnings เป็นองค์ประกอบสําคัญของ FD1 โดย Top 5,000 MNEs ของโลกซึ่งเป็นกลุ่มสําคัญของ global FDi ได้ปรับ earming revisions ลดลงเพราะการระบาด โดยเฉลี่ยประมาณ 30% อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก ที่สุด ได้แก่ พลังงาน และ basic materials (-208% จาก -13% ในบทวิเคราะห์ที่แล้ว เนื่องจากราคาพลังงานที่ ลดลงมาก) การบิน (-116% จาก -42%) และยานยนต์ (-47% จาก -44%)
[su_spacer]
3. MNEs ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะได้รับผลกระทบมากกว่า MNEs ในประเทศกําลังพัฒนา (ตรงข้ามกับสถานการณ์ช่วงต้นเดือน มี.ค. ตามนัย ทล. ที่อ้างถึง) โดย MNEs ในประเทศพัฒนาแล้วปรับลดประมาณการ ผลกําไรลงอีก 35% โดยเฉพาะในสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ที่ปรับลดลงประมาณ 50% ในขณะที่ MNEs ในประเทศกําลังพัฒนาปรับลดลง ประมาณ 20% (จีน -21% และ กลต. 29%)
[su_spacer]
4. ทั้งนี้ UNCTAD ห่วงกังวลผลกระทบในระยะยาวด้วยว่าเหตุการณ์นี้จะ reinforce แนวโน้มเรื่อง การถอนฐานการผลิตกลับประเทศของตนเอง (decoupling of Global Value Chains – GVCs) ที่เริ่มเห็นมาก่อนหน้านี้ แล้วด้วย
[su_spacer]
คณะผู้แทนถาวรฯ ณ นครเจนีวา