ผู้ประกอบการในเกาหลีใต้ได้รับผ ลกระทบเป็นวงกว้างจากการขึ้นค่ าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล ที่ประกาศให้ค่าแรงขั้นต่ำ ภายในประเทศจากเดิมที่เคยอยู่ ในอัตรา 6,470 วอน/ชั่วโมง ขึ้นเป็น 7,530 วอน/ชั่วโมง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรั บต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และสร้างผลกระทบในเชิงลบ ได้แก่ การปรับลดจำนวนลูกจ้าง การใช้เครื่องจักรและระบบอัตโนมั ติแทนพนักงาน การยกเลิกสวัสดิการ การลักลอบใช้แรงงานที่ละเมิดกฎห มาย เป็นต้น[su_spacer size=”20″]
สำหรับการปรับลดจำนวนลูกจ้าง ผู้ประกอบการรายย่อยหลายราย เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตัดสินใจลดการจ้างพนักงาน ทั้งพนักงานประจำและพนั กงานนอกเวลา และเริ่มปรับเปลี่ยนรู ปแบบการให้บริการไปในลั กษณะการให้บริการตนเองมากขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้เครื่อ งจักรและระบบอัตโนมัติแทนพนักงา นที่ผู้ประกอบการรายย่อยหลายราย กำลังติดตั้งเครื่องจักรให้บริก ารลูกค้าแทนพนักงาน เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหาร [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังยกเลิกสวัสดิการ ที่เคยมีด้วย ได้แก่ การจัดหาอาหาร ยานพาหนะ และที่พัก อีกทั้งผู้ประกอบการบางรายยังลั กลอบจ้างงานที่ละเมิดต่อกฎหมาย โดยอาศัยการจ้างนักศึกษาต่างชาติ เป็นพนักงานนอกเวลาและจ่ายค่าจ้ างต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกมาตรการช่ วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายกา รขึ้นค่าจ้าง โดยจัดตั้งกองทุนความมั่นคงของง าน (Job Security Fund) ซึ่งเป็นเงินที่อุดหนุนผู้ประกอ บการรายย่อยที่จ้างพนักงานไม่ เกิน 30 คน ในอัตรา 130,000 วอน/เดือน/พนักงาน 1 คน[su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล