เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 นายชเว ซัง มก รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลัง (Ministry of Economy and Finance: MOEF) สาธารณรัฐเกาหลี ได้ประกาศทิศทางนโยบายเศรษฐกิจประจําปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะแข็งแกร่งขึ้นในปี 2567 ตามการฟื้นตัวของการส่งออก อย่างไรก็ดีคาดว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 ยังอยู่เพียงร้อยละ 2.2 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง
ภายใต้ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ ปี 2567 รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องการรักษาเสถียรภาพด้านราคา แบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก และฟื้นฟูอุปสงค์ภายในประเทศ โดยรัฐบาลเผยว่าจะลดอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับร้อยละ 2 ภายในครึ่งแรกของปี 2567 เพื่อบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ ร้อยละ 2.6 ภายในปี 2567 โดยจะตรึงค่าไฟฟ้าและค่าสาธารณูปโภค และลดหย่อนภาษีรายได้เพื่อกระตุ้นการใช้บัตรเครดิตในช่วงครึ่งแรกของปี
รวมทั้งจะจัดสรรงบประมาณกว่า 10.8 ล้านล้านวอนเพื่อควบคุมราคา เช่น การให้ส่วนลดสําหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร/ปศุสัตว์ และแจกบัตรกํานัลพลังงาน ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของธุรกิจ SME ที่มียอดขายต่อปีน้อยกว่า 30 ล้านวอน (ทั้งหมด 1.26 ล้านราย) จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้า 200,000 วอน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 อีกด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลจะลดหย่อน/ยกเว้นภาษีผลไม้ 21 ชนิด (มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา) และจะนําเข้าผลไม้กับผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป จํานวน 300,000 ตันภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพื่อแก้ปัญหาราคาผลไม้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทําให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้งจะนําเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และปศุสัตว์ เช่น พริกแห้ง หัวหอม ไก่ และผลิตภัณฑ์ไข่ เป็นจํานวน 60,000 ตัน และจะเพิ่มการสนับสนุน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง 5 สาขา ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ (rechargeable battery) ด้านชีวภาพ การเดินทางในอนาคต (future mobility) และไฮโดรเจน ด้วยงบประมาณ กว่า 150 ล้านล้านวอนในช่วง 3 ปีข้างหน้า รวมทั้ง จะจัดสรรเงินทุนกว่า 52 ล้านล้านวอน สําหรับการลงทุนด้านสิ่งอํานวยความสะดวกในภาคเซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ หุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ ซึ่งเป็นจํานวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล