ด้วยเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2562 สํานักข่าว The Business Times Times ได้ลงบทความ “Silicon Valley firm eager to earn its stripes in Southeast Asia” มีสาระสำคัญถึงบริษัท Stripe ซึ่งเป็นบริษัท Start up ที่เป็นระบบตัวกลางรับการชําระเงินจากลูกค้าผ่านบัตรเครดิต ได้เคยประกาศลงทุนในสิงคโปร์มูลค่า 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2559 และต่อมาได้ขยายการลงทุนไปยังญี่ปุ่นและมาเลเซีย เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กําลังมีการเติบโตทางตลาดดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต ซึ่งบริษัท Stripe ต้องการเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกชําระเงิน [su_spacer size=”20″]
นาย Bily Alvarado ผู้บริหารของบริษัท Stripe กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบระยะยาว หลังจากปี 2559 ที่บริษัทฯ เข้ามายังสิงคโปร์บริษัทฯ ก็ได้ขยายไปยังญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย และ อินเดีย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้จ้างนาย Rahul Shinghal ซึ่งเคยทํางานให้ PayPal มาเป็นผู้อํานวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โดยมีสํานักงานที่สิงคโปร์ [su_spacer size=”20″]
เนื่องด้วยการเติบโตของยุคดิจิทัลกําลังมุ่งสู่โลกตะวันออกมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ บริษัทที่ทําธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป ก็ต้องการที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดโลกอยู่แล้ว ซึ่งบริษัท Stripe จะเป็นตัวช่วยในการอํานวยความสะดวกเรื่องการชําระเงิน ไม่ว่าการทําธุรกรรมการเงินจะเกิดขึ้นที่ใดบนโลก รวมทั้ง แก้ไขปัญหาที่มักเกิดจากการชําระเงิน อาทิ วิธีการชําระเงินสกุลเงินท้องถิ่น การปฏิบัติตามระเบียบการเงินของแต่ละประเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ [su_spacer size=”20″]
นาย Alvarado กล่าวเสริมว่า การเติบโตของอินเตอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดจากหลากหลายปัจจัย อาทิ ประชาชนมีโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตใช้อย่างทั่วถึง โครงสร้างพื้นฐาน อุปสงค์ของผู้อุปโภค รวมถึงมีลู่ทางใหม่ ๆ ในการขายสินค้าออนไลน์ และลูกค้าก็มีตัวเลือกในการซื้อสินค้าออนไลน์และการชําระเงินมากขึ้น ทําให้บริษัท Stripe มองเห็นเป็นโอกาสสำหรับการเติบโต [su_spacer size=”20″]
บริษัท Stripe ใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางแห่งแรกของสํานักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่เมื่อเดือน ต.ค. 2561 โดยบริษัทฯ ร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ที่กําลังเติบโต เช่น Grab, Carousell, Honestbee และ Chope โดยในปีที่ผ่านมา 70% ของชาวสิงคโปร์ซื้อสินค้าผ่านกลุ่มธุรกิจที่ร่วมมือกับบริษัท Stripe อย่างไรก็ดี การทําธุรกิจออนไลน์ทําได้ยากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก บริษัท Stripe จึงพยายามแสวงหาบริษัทต่าง ๆ มาเป็นหุ้นส่วน โดยเมื่อปี 2560 ทางบริษัทฯ ได้เป็นหุ้นส่วนกับ Alipay และ WeChat Pay เพื่อขยายฐานการรับชําระเงินในจีนมากขึ้นด้วย [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์