เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2561 สํานักพิมพ์ The Sunday Times รายงานข่าว Southeast Asia will gain from a prolonged trade War, analyst say ซึ่งนักวิเคราะห์และนักวิชาการด้านอุตสาหกรรมกล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯ และจีน [su_spacer size=”20″]
นาย Jonathan Choi ประธานหอการค้าจีนในฮ่องกง กล่าวว่า สมาชิกหอการค้าฯ กว่า 6,000 ราย กําลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปที่เวียดนามหรือกัมพูชา เนื่องจากปัจจัยด้านค่าจ้างแรงงานและที่ดินถูกกว่า อย่างไรก็ดี บริษัทต่าง ๆ ต้องใช้เวลาราว 2 – 3 ปี ในการย้ายฐาน [su_spacer size=”20″]
นาย Vincent Chan นักวิเคราะห์ด้านจีนจาก Credit Suisse กล่าวว่า มาเลเซีย เวียดนาม รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ตลอดจนเม็กซิโก จะได้ประโยชน์มาก บริษัทชั้นนําของโลกที่ผลิต iPhones หรือคอมพิวเตอร์ ได้เตรียมความพร้อมที่จะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเม็กซิโก ตลอดจนภูมิภาคยุโรปตะวันออก นอกจากนี้ บริษัท Pegatron และ Inventec บริษัทของไต้หวันที่ส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้บริษัท Apple ได้ประกาศว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มโรงงานผลิตนอกประเทศจีน เพื่อลดต้นทุนการผลิตแล้ว [su_spacer size=”20″]
นาย Brock Silvers ผู้จัดการบริษัท Kaiyuan Capital สำนักงานที่เซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า เมียนมาเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่มีศักยภาพในฐานะแหล่งทรัพยากรด้านเกษตรกรรม เนื่องจากจีนเริ่มขาดแคลนที่ดินสําหรับเพาะปลูกและประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ อย่างไรก็ดี เมียนมายังขาดแหล่งเงินทุน แผนยุทธศาสตร์ ตลอดจนการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อเป็นฐานการผลิตที่ยั่งยืน [su_spacer size=”20″]
อย่างไรก็ดี บริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากจีนตั้งแต่ก่อนที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะเริ่มตึงเครียดแล้ว เนื่องจากการผลิตในจีนเริ่มมีต้นทุนที่สูงขึ้นและยอดขายที่มีแนวโน้มลดลง แนวโน้มในการย้ายฐานการผลิตเริ่มเห็นเด่นชัดตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 บริษัท Samsung ของเกาหลี ได้ปิดโรงงานที่เซินเจิ้น และบริษัท Olympus ของญี่ปุ่น ก็ได้ปิดโรงงานที่เซินเจิ้น ซึ่งเปิดมา 27 ปีเช่นเดียวกัน โดยทั้งสองบริษัท ได้ย้ายโรงงานไปที่เวียดนาม [su_spacer size=”20″]
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Bloomberg ได้อ้างคํากล่าวของนาย Edward Rosenfeld ผู้บริหาร Steve Madden ว่า บริษัทฯ ได้ย้ายฐานการผลิตกระเป๋าสําหรับสตรีจากจีนไปที่กัมพูชา โดยในปีนี้ คาดว่าโรงงานที่กัมพูชาจะผลิตกระเป๋าได้ 15% ของปริมาณทั้งหมด และวางเป้าหมายเพิ่มเป็นสองเท่าในปีหน้า ในฮ่องกง ผู้ผลิตของเล่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และพลาสติก ได้เริ่มย้ายฐานการผลิตไปที่มาเลเซีย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพื่อลดต้นทุนเช่นเดียวกัน [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเพิ่มกําแพงภาษีซึ่งกันและกัน สินค้านําเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (68 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์) จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในจีน บริษัทสหรัฐฯ ใหญ่ ๆ เช่น Nike, Starbucks, McDonald’s และ Coca Cola ซึ่งทํารายได้มหาศาลในจีน จะได้รับผลกระทบอย่างมาก ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะมีการทําประชาพิจารณ์ในการเพิ่มภาษี สําหรับสินค้านําเข้าจาก จีนอีกมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนาย Silvers เห็นว่า จีนจะต้องพิจารณาว่าจะตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯ และบริษัทของสหรัฐฯ อย่างไร [su_spacer size=”20″]
นาย Tim Cook ผู้บริหารของบริษัท Apple ได้แสดงความห่วงกังวลต่อการบริหารภายใต้ประธานาธิบดี Trump และเห็นว่า จีนเองก็ประสบปัญหาความไม่แน่ใจ เนื่องจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าอาจเป็นแค่การตอบโต้ระยะสั้น ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์ต่อจีนหรือทําให้จีนก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เนื่องจากการโจมตีการลงทุนจากต่างชาติไม่มีประโยชน์ในยุคปัจจุบัน เพราะว่าเศรษฐกิจโลกมีความถดถอยและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจีนจะต้องไตร่ตรองมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ให้ถี่ถ้วน [su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์