สํานักพิมพ์ The Straits Times รายงานมูลค่าพอร์ตลงทุนของบริษัท Temasek ว่า มูลค่าพอร์ตลงทุนสุทธิของ บริษัท Temasek ประจําปี 2560 คือ 308,00 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว 33,00 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จากปี 2559 มีมูลค่า 275,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่มูลค่าพอร์ตลงทุนสุทธิสูงมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยในปีนี้ ผู้ถือหุ้นได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 12.19[su_spacer size=”20″]
นาย Lee Theng Kiat ผู้อํานวยการบริหาร Temasek กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงทําให้มูลค่าสุทธิอยู่ในแนวโน้มดีในระยะยาว การลงทุนที่เพิ่มขึ้นเน้นไปที่การหาวิธีแก้ไขเพื่อให้โลกมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทั้งในระยะกลางและระยะยาว บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกําไรจากการลงทุนหลัก ๆ ทั้งใน DBS Group Holding Ping An Insurance และ Alibaba Group Holdings[su_spacer size=”20″]
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า บริษัท Temasek ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากการลงทุนใหม่ ๆ จะเติบโตอย่างช้าลง เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะซะลอตัวลงและมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยนาย Alpin Mehta ผู้จัดการด้านการลงทุน กล่าวว่า โดยพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจโลกแล้ว บริษัท Temasek อาจจะปรับลดการลงทุนในช่วง 9-18 เดือนข้างหน้า[su_spacer size=”20″]
ในปี 2560 บริษัท Temasek ได้ลงทุนมูลค่า 29,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และถอนทุน 16,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปีงบประมาณ 2561 โดยนับตั้งแต่ 1 เมษายน 2561 เป็นต้นมา โดยเกือบครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนหรือประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ได้ลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีภาคบริการด้านการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank financial services) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (life science) และธุรกิจการเกษตร หากเทียบกับมูลค่าสุทธิในปัจจุบัน การลงทุนในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้มีมูลค่าถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณร้อยละ 26 ของมูลค่าสุทธิ เปรียบเทียบกับปี 2554 ซึ่งมีมูลค่าเพียง 9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือร้อยละ 5 เท่านั้น[su_spacer size=”20″]
หากแบ่งตามภูมิศาสตร์ บริษัท Temasek ยังคงลงทุนในสิงคโปร์เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 27 ตามมาด้วยจีนร้อยละ 26 และการลงทุนในสหรัฐอเมริกาและยุโรปคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของเงินลงทุนทั้งหมด[su_spacer size=”20″]
บริษัท Temasek ได้ชี้แจงแนวโน้มของโลก 6 ปัจจัย ที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในอนาคต ได้แก่ (1) อายุขัยที่มากขึ้นของมนุษย์ (2) ความมั่งคั่งที่มากขึ้น (3) การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน (4) ระบบที่ฉลาดขึ้น (5) เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน และ (6) โลกที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น[su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ นางสาว Suian Tay ผู้จัดการด้านการลงทุน กล่าวว่า บริษัท Temasek มองเห็นความเสี่ยง ในระยะสั้น อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงมีความยืดหยุ่นในการรองรับความเสี่ยงระยะสั้นและรอผลประกอบการ ในระยะยาว นอกจากนี้ นาย Michael Buchanan หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ กล่าวถึงความตึงเครียดทางการค้า ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ว่า บริษัทฯ ไม่ได้คาดหวังที่จะเข้าสู่สงครามทางการค้า อย่างไรก็ดี ถ้าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทฯ[su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ แม้บริษัทฯ Temasek จะมีมูลค่าพอร์ตลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี ในอนาคต บริษัทฯ อาจเผชิญกับความผันผวนของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลงจากความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งทางบริษัทฯ ยังคงระมัดระวังในการลงทุนแต่ก็พร้อมเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในอนาคตเช่นกัน[su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์