สิงคโปร์มุ่งยกระดับประเทศให้เป็น World-Class City

           เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2561 ประธานาธิบดีสิงคโปร์ได้กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการประชุมรัฐสภา ครั้งที่ 13 วาระที่ 2 ซึ่งในภาพรวม ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิงคโปร์กับสหรัฐฯ และจีน โดยระบุถึงความสําคัญที่สิงคโปร์จะให้กับข้อริเริ่ม One Belt One Road ของจีน โดยสิงคโปร์ยังจําเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับต่างประเทศ และทํางานร่วมกับภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของอาเซียนให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การรับมือกับประเด็นปัญหาภายในประเทศ อาทิ การรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ และการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการบริการสาธารณสุขและหลักประกันสังคม ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สิงคโปร์จะให้ความสำคัญ[su_spacer size=”20″]

           นอกจากการวางวิศัยทัศน์ในภาพรวมดังกล่าวแล้ว ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสิงคโปร์ในครั้งนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การตั้งเป้าให้สิงค์โปร์เป็น World-Class City ซึ่งประกอบไปด้วยการเป็น well-connected city ซึ่งปัจจุบัน สิงคโปร์มีการขยายสนามบินชางงี เทอร์มินอล 5 และท่าเรือตูอัสใหม่ (Tuas Port) ตลอดจนรถไฟความเร็วสูงระหว่างกัวลาลัมเปอร์ – สิงคโปร์ และระบบขนส่งระหว่างโจโยบารู – สิงคโปร์ ที่จะช่วยให้มาเลเซียและสิงคโปร์ใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังจะพยายามก้าวสู่การเป็น Car-lite City ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสร้างสังคมสีเขียวและพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ผังเมืองของสิงคโปร์จะมีการเปลี่ยนแปลงในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากท่าเรือตูอัสเดิมจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ (Central Business District)[su_spacer size=”20″]

           ในด้านเศรษฐกิจ สิงคโปร์มุ่งเน้นส่งเสริมการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา ทั้งในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล รวมถึงการส่งเสริม start-up เช่น FinTech และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (bioscience) และการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคเอกชนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ นอกจากนี้ ยังเน้นการขยายอัตราการจ้างงานให้ชาวสิงคโปร์ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้ส่งเสริมโครงการพัฒนาทักษะ (SkitsFuture) และโครงการจัดหางาน (Adapt and Grow) เพื่อตอบสนองความต้องการของแรงงานและการตลาด[su_spacer size=”20″]

           มรด้านการศึกษา สิงคโปร์จะเน้นความสําคัญของคุณภาพของเยาวชนตั้งแต่วัยก่อนเข้าเรียน (pre-schools) และการลดความเหลื่อมล้ำทางโอกาสของสังคม เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียมกันในด้านความเป็นอยู่ การศึกษา และการจ้างงาน ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงขยายการจ้างงานของผู้สูงอายุ และการลดภาระทางการเงินในการรับบริการทางการแพทย์ [su_spacer size=”20″]

สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์