สำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (The Civil Aviation Authority of Singapore: CAAS) ได้เปิดตัวโครงการริเริ่มการจัดการสนามบิน สายการบิน และการจราจรทางอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคธุรกิจการบินของสิงคโปร์ และส่งเสริมให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการบินที่ยั่งยืน ทั้งนี้ สิงคโปร์ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20 ภายในปี 2573 และจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซสุทธิทั้งจากการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศให้เป็นศูนย์ ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซจากเที่ยวบินระหว่างประเทศของสายการบินที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการในสิงคโปร์ภายในปี 2593 ด้วย
สนามบิน
CAAS จะลดการใช้พลังงานและปรับมาใช้พลังงานหมุนเวียนในสนามบิน Changi โดย (1) การติดตั้งระบบแผงโซลาร์เซลล์บนดาดฟ้าของอาคารสนามบิน และยังศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในสนามบินอีกด้วย โดย ณ สิ้นปี 2566 สนามบิน Changi มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเกือบร้อยละ 4 ของการใช้ไฟฟ้าในปี 2562 และสนามบินยังมีแผนติดตั้งระบบแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6 (2) การใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในสนามบินภายในปี 2583 เช่น รถยนต์ รถตู้ และรถมินิบัส อีกทั้งจะดำเนินการติดตั้งสถานีชาร์จเพิ่มเติม (3) การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายในอาคารผู้โดยสาร โดยการลดใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน ทั้งนี้ ปัจจุบันสนามบิน Changi กำลังดำเนินการติดตั้งวัสดุสะท้อนความร้อนด้านหน้าอาคาร เพื่อลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งการอัพเกรดระบบทำความเย็นในอาคารผู้โดยสาร (4) สนามบินได้วางแผนนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำมาใช้งานในสนามบิน และ (5) CAAS จะทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการสร้างโรงผลิตพลังงานขยะเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า หรือเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อใช้งานภายในสนามบิน
สายการบิน
ตั้งแต่ปี 2569 เที่ยวบินที่เดินทางออกจากสิงคโปร์จะต้องใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และผู้โดยสารที่บินจากสิงคโปร์จะต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเก็บภาษีจากการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว ทั้งนี้ ในระยะเริ่มต้น (ปี 2569) สิงคโปร์ตั้งเป้าหมายการใช้เชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืนที่ 1% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3-5% ในปี 2573 โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกและความพร้อมใช้งานเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนอย่างแพร่หลายในอนาคต
การจัดการจราจรทางอากาศ
CAAS จะปรับปรุงและพัฒนาการจัดการจราจรทางอากาศ รวมถึงลดการใช้เชื้อเพลิง โดย (1) การปรับปรุงการจัดการจราจรทางอากาศในแง่ความสามารถของการรองรับ การประสานงานและการจัดการเที่ยวบินระยะไกล ความตรงต่อเวลา และความแม่นยำของข้อมูลพยากรณ์อากาศเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรทางอากาศ (2) การปรับปรุงประสิทธิภาพการนำทาง โดยมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการเดินทางทางอากาศในภูมิภาค เพื่อให้เกิดเส้นทางการบินที่หลายหลากมากขึ้น ทั้งนี้ ในระยะยาว อาจมีการเปิดเส้นทางการบิน Free Route Airspace (FRA) เพื่อเพิ่มการใช้งานเส้นทางเที่ยวบินที่ยืดหยุ่น นอกจากนี้ CAAS จะพัฒนาเครื่องมืออัจฉริยะเพื่อช่วยจัดระเบียบเที่ยวบินภายในสนามบิน Changi ซึ่งจะช่วยลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ (3) CAAS จะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเส้นทางการบินแบบ Gate-to-Gate โดยจะใช้เครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจ เพื่อปรับช่วงเวลาออกเดินทางให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานลานบิน ซึ่งจากแนวทาง 3 ประการดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้การเผาไหม้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงได้ถึงร้อยละ 10
โอกาสของไทย
ปัจจุบัน หลายภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบินโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น รวมถึงประเทศสิงคโปร์ที่ได้วางแผนและเตรียมดำเนินการใช้เชื้อเพลิงสะอาด หรือพลังงานชีวภาพคาร์บอนต่ำในภาคธุรกิจการบินดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ทั้งนี้ เชื้อเพลิงแบบยั่งยืนไม่ได้จำกัดการใช้เฉพาะในกลุ่มภาคธุรกิจการบิน หากแต่สามารถขยายผลไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ
สำหรับประเทศไทยที่มีวัตถุดิบในการผลิต เช่น ผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตร หรือน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้วที่สามารถนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนได้ รวมถึงมีบุคลากรที่มีความสามารถในด้านการวิจัยและพัฒนา และความพร้อมของโรงกลั่นน้ำมันต่าง ๆ หากประเทศไทยสามารถวิจัย พัฒนา และผลิตเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนเพื่อรองรับความต้องการใช้งานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะขยายตลาดการส่งออกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
ข้อมูล: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์/ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
แหล่งข้อมูล
(1) https://www.channelnewsasia.com/singapore/air-tickets-sustainable-aviation-fuel-fee-departing-flights-changi-airport-4125926