เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 สํานักพิมพ์ The Business Times ได้ลงบทความ “Singapore’s resilience will see it through latest slowdown: PM Lee” ซึ่งขยายความ National Day Message ของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ โดยมีเนื้อหาสำคัญ ดังนี้
[su_spacer]
นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า สิงคโปร์กําลังเผชิญภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เมื่อใดก็ตามที่สิงคโปร์จะต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบ จะก่อให้เกิดการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ และการเริ่มต้นในการประสบผลสําเร็จอีกครั้งหนึ่ง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกกําลังชะลอตัว ความต้องการและการค้าทั่วโลกมีความอ่อนแอลงและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ก็ชะลอตัวลงทั่วโลก อย่างไรก็ดี ในส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรม โดยสิงคโปร์เคยประสบกับการชะลอตัวเช่นนี้มาก่อนและสามารถนําไปใช้ในการพัฒนาต่อไปได้
[su_spacer]
โดยพื้นฐานแล้ว โลกกําลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ลําบากมากขึ้นด้วยความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ได้แก่ (1) ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ (2) ความไม่ลงรอยกันระหว่างมหาอํานาจ และ (3) ภัยคุกคาม เช่น ภาวะโลกร้อน และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น โดย นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เห็นว่า ในทางเศรษฐกิจ สิงคโปร์จะต้องเตรียมพร้อมสําหรับอนาคตที่แตกต่างโดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบทางการค้าและการย้ายกระแสการลงทุน โดยในอดีตที่ผ่านมา ทําให้มีความมั่นใจว่า สิงคโปร์จะรอดพ้นจากความยากลําบากนี้ไปได้ เนื่องจากจะมีการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรบุคคล และบ้านเมือง
[su_spacer]
สิงคโปร์ยังมีความก้าวหน้าที่ดีและต่อเนื่องในด้านอุตสาหกรรม ตั้งแต่การให้บริการขั้นสูงของอุตสาหกรรมการบิน ไปจนถึงการวิจัยทางการแพทย์และบริการด้าน fintech รวมทั้งการพัฒนาท่าเรือและสนามบิน รีสอร์ทแบบบูรณาการ เทคโนโลยีและกลุ่มธุรกิจ Startup ที่กําลังเฟื่องฟู โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ Enterprise Singapore ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการและบริษัทที่จะเติบโตและขยายกิจการไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ สิงคโปร์กําลังพัฒนาทักษะและยกระดับฝีมือแรงงานไปในทางที่ดีขึ้นด้วยความช่วยเหลือของโครงการ SkillsFuture โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เน้นย้ำว่า มาตรการเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะจัดการกับความท้าทายในระยะยาวของสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้สิงคโปร์มองเห็นตัวเองผ่านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจด้วย
[su_spacer]
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ให้ความสําคัญกับระบบการศึกษา โดยรัฐบาลจะทําให้การศึกษาระดับอนุบาลและ ระดับอุดมศึกษามีราคาที่ถูกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง และสําหรับผู้สูงอายุชาวสิงคโปร์ที่ต้องการจะทํางานต่อจะมีการพิจารณาเพิ่มอายุเกษียณและการจ้างงานใหม่ โดยรัฐบาล สหภาพแรงงานและนายจ้างได้บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับความจําเป็นในการเพิ่มอายุเกษียณแล้ว
[su_spacer]
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังคงต้องเดินหน้าในการพัฒนาเมืองต่อไป เช่น สนามบินชางงีและห้างสรรพสินค้า Jewel โดยแนวความคิดการสร้างJewel เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เมื่อสนามบินกําลังเผชิญกับการแข่งขันรุนแรง โดยปัจจุบันนี้ ห้างสรรพสินค้า Jewel แสดงให้เห็นว่า ชาวสิงคโปร์ไม่เพียงแต่มีความคิดสร้างสรรค์และกล้าที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง แต่ยังมีความปรารถนาและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงความฝันให้กลายเป็นจริงได้ โดยสิงคโปร์รู้ดีว่าเมืองและสนามบินอื่น ๆ กําลังวางแผนที่จะเลียนแบบการสร้างห้างสรรพสินค้าในบริเวณสนามบินเหมือน Jewel และอาจจะยิ่งใหญ่กว่าและดีกว่า แต่สิงคโปร์ก็ยังกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ เป็นผู้บุกเบิกและสามารถทําให้สําเร็จได้ก่อน
[su_spacer]
ห้างสรรพสินค้า Jewel เป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่สิงคโปร์กําลังทําเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีโครงการอื่น ๆ อีก อาทิ การสร้าง Terminal 5 ของสนามบินชางงี การสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ Tuas Megaport โครงการ Jurong Lake District การพัฒนาฐานทัพอากาศ Paya Lebar และโครงการ Greater Southern Waterfront โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า โครงการทั้งหมดเหล่านี้จะทําให้สิงคโปร์ไม่หยุดพัฒนาและจะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชาวสิงคโปร์อย่างต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลานานหลายสิบปี
[su_spacer]
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์