เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 บริษัท ‘Carro’ ผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองแบบครบวงจรของสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการระดมทุนในซีรี่ส์ C มูลค่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (478 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์) โดยมีบริษัทผู้ร่วมทุน ได้แก่ SoftBank ของญี่ปุ่น EV Growth ของสิงคโปร์ และบริษัทเงินทุนของอินโดนีเซียหลายราย จนบริษัทฯ มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลายเป็นยูนิคอร์นรายล่าสุดในสิงคโปร์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจาก Flash ของไทย และนาย Aaron Tan ประธานเจ้าหน้าบริหาร Carro ยังได้กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เริ่มเตรียมการสำหรับการเสนอขายหุ้นใหม่ต่อสาธารณชน (Initial Public Offering – IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในช่วงกลางปี 2566 และจะใช้เงินทุนดังกล่าวเพื่อขยายธุรกิจเพิ่มเติมในไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมถึงประเทศใหม่ที่ยังไม่เคยลงทุนด้วยอย่าง เวียดนาม และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายบริการทางการเงิน และเร่งพัฒนาความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
.
บริษัท Carro ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 โดยได้ระดมทุนรวมมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากผู้ถือหุ้น (equity) และ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการกู้ยืมเงินจาก (1) SoftBank Ventures Asia (2) EDBI (3) Insignia Ventures Partners และ (4) B Capital Group ต่อมาเมื่อปี 2559 SoftBank Group ได้ลงทุนกับ Carro ผ่าน SoftBank Ventures Asia ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเครือ นอกจากนี้ SoftBank Group ยังได้ลงทุนกับบริษัทให้บริการรถยนต์มือสองรายอื่น ได้แก่ Chehaoduo ของจีน และ Kavak ของเม็กซิโก Carro จึงเป็นบริษัทที่มีเครือข่ายพันธมิตรในการร่วมทุนในหลายประเทศ
.
Carro ให้บริการอย่างครบวงจรของ ช่วยให้ลูกค้าและธุรกิจค้าส่งสามารถซื้อและจำหน่ายยานพาหนะ ควบคู่กับการให้บริการทางการเงินและประกันภัยรถยนต์ และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 Carro จึงได้เปรียบจากการผู้ซื้อที่เปลี่ยนไปทำธุรกรรมการซื้อรถยนต์ออนไลน์โดยไม่ต้องไปที่โชว์รูม รายได้ของ Carro จึงเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า จาก 117.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีงบประมาณ 2563 (เมษายน 2562 – มีนาคม 2563) เป็น 300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีงบประมาณ 2564 (เมษายน 2563 – มีนาคม 2564) และ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Earnings before interest, taxes, depreciation and amortization – EBITDA) เป็นบวกติดต่อกันทั้ง 2 ปีงบประมาณ (เมษายน 2562 – มีนาคม 2564)
.
ปัจจุบัน Carro มีบุคลากรมากกว่า 1,000 คน โดยส่วนใหญ่รับผิดชอบการจำหน่ายและการตรวจสภาพรถ มีบุคลากรประมาณ 50 คน ที่รับผิดชอบด้านวิทยาศาสตร์ ข้อมูล และวิศวกรรม ซึ่งกำลังดำเนินการพัฒนา AI ให้สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ ไปจนถึงการกำหนดราคาและรูปแบบสินเชื่อ ทั้งนี้ Carro ยังมุ่งขยายการให้บริการประกันภัยรถยนต์ โดยได้ตกลงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ของรัฐบาลสิงคโปร์ NTUC Income และ Mitsui Sumitomo Insurance Group แล้ว
.
จะเห็นได้ว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ Carro ประสบความสำเร็จในตลาดในเอเชีย คือ การที่ Carro เห็นถึง Pain point หรือปัญหาในการดำรงชีวิตของผู้บริโภค ที่เข้าถึงสินเชื่อรถยนต์ได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบการเข้าสู่ตลาดก่อนคู่แข่งขัน (First mover advantage) โดยการนำความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลมาแก้ไข Pain point นั้น ๆ ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถนำรูปแบบธุรกิจของ Carro ไปปรับปรุง และพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสมกับการประกอบการในไทยในอุตสาหกรรมอื่น ที่มีความต้องการที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงการเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้บริโภคโดยการนำดิจิทัลเข้ามาใช้ต่อไป
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์