จุดเด่นของกาตาร์ คือ มีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับที่หนึ่งของโลก โดยตั้งแต่ปี 2561 กาตาร์ได้เริ่มโครงการ North Field Expansion หรือปัจจุบันในชื่อ North Field East (NFE) มูลค่ากว่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะทำให้กาตาร์สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากปริมาณ 77 ล้านตันต่อปี เป็น 126 ล้านตัน/ปี
ปัจจุบัน กาตาร์ได้พยายามสร้างพลวัตและความเชื่อมั่นในภาคพลังงานก๊าซธรรมชาติท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยครอบคลุมทั้งด้านรายได้ จุดแข็ง และความเชื่อมโยงด้านพลังงานกับประเด็นต่าง ๆ เช่น การร่วมลงทุน การพัฒนาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในห้วงที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรโควิด-19 และผลกระทบด้านราคาพลังงานจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ที่ผ่านมา กาตาร์ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมGas Exporting Countries Forum (GECF) Summit ครั้งที่ 2 มีประเทศสมาชิกผู้ส่งออกก๊าซ 11 ประเทศและประเทศผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม ซึ่งได้เน้นความร่วมมือด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ และการบรรลุข้อตกลงซื้อ-ขายก๊าซธรรมชาติเพื่อรักษาเสถียรภาพพลังงาน นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดงานสัมมนา Qatar Economic Forum ในหัวข้อ Equalizing Global Economy ซึ่งการตาร์ได้นำเสนอบทบาทการเชื่อมโยงประเด็นพลังงานกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ในด้านการลงทุน กาตาร์ได้ร่วมลงทุนขยายกำลังการผลิตกับบริษัทต่างประเทศในงานด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การก่อสร้าง และการว่าจ้างในส่วน onshore facility expansion และการพัฒนานอกชายฝั่งและท่อส่ง (offshore facilties and pipelines) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NFE
ทั้งนี้ แม้กาตาร์จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงในประเด็นความมั่นคงด้านพลังงานจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่กาตาร์ได้พยายามกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านพลังงานและการจัดทำข้อตกลงระยะยาว ทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงพลังงานของโลกและสอดรับกับการขยายกำลังการผลิตของกาตาร์ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ขอบคุณรูปภาพจาก:
https://middle-east-online.com/en/qatar-petroleum-changes-name-qatar-energy