กระทรวงการคลังฟิลิปปินส์รายงานว่า สำนักงานศุลกากรสามารถจัดเก็บภาษีจากการเก็บภาษีนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเกือบ 6 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ ภายหลังการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยมาตรการภาษีข้าวเมื่อเดือน ก.พ. 2562
นอกจากนี้ กระทรวงฯ กล่าวว่า ภาคเอกชนได้นำเข้าข้าวจำนวน 1.43 ล้านตัน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี Duterte ลงนามกฎหมายมาตรการการค้าข้าวอย่างเสรีเพื่อระบายปริมาณข้าวและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ สำนักงานศุลกากรฟิลิปปินส์เผยมูลค่าภาษีการขนส่งข้าวสูงถึง 5.9 พันล้าน ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนการใช้มาตรการการควบคุมเชิงปริมาณนำเข้า (quantitative restrictions) มาเป็นการเก็บภาษีนำเข้าแทน ซึ่งเป็นความสำเร็จในการบริหารของ Duterte กับกระทรวงการคลัง นับเป็นความพยายามถึง 30 ปี ภายใต้หลายรัฐบาลในการผ่านร่างมาตรการต่าง ๆ นอกจากนี้ การนำเข้าอย่างเสรีนอกจากจะช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อและเข้าถึงการบริโภคข้าวได้แล้ว ยังสามารถลดปัญหาอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ปรับพัฒนาภาคเกษตรกรรม และช่วยให้เกษตรสามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
[su_spacer]
นอกจากนี้ สำนักงานธนารักษ์รายงานว่า หนี้สาธารณะของฟิลิปปินส์อยู่ที่ 8.92 ล้านล้านเปโซฟิลิปปินส์ ซึ่งสูงกว่า 15.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา หนี้ต่างประเทศของประเทศมี 2.658 ล้านล้าน ขณะที่หนี้ภายในประเทศมี 5.256 ล้านล้าน โดยนับต้นปีที่ผ่านมา หนี้โดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้น 623.03 พันล้าน ทั้งนี้ รัฐบาลเผยว่าหนี้ดังกล่าวจะทำให้เกิดการกู้ยืมเงินไปใช้ในโครงการ Build Build Build ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของฟิลิปปินส์
[su_spacer]
นอกจากนี้ ข้อมูลของสถาบันสถิติแห่งฟิลิปปินส์ (The Philippine Statistics Authority) แสดงว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. 2562 เป็นค่าต่ำสุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562 ผลกระทบด้านต่าง ๆ อาทิ การยกเว้นค่าเล่าเรียนในสถาบันการศึกษารัฐบาล และราคาข้าวที่ลดลง ทำให้เงินเฟ้อลดลง ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่ช้าในสาธารณูปโภคพื้นฐานในรอบ 22 เดือน โดยนักสถิติชี้ว่า ราคาข้าวมีแนวโน้มลดลงซึ่งเห็นได้จากการลดลง 1.7% ปีต่อปี อีกทั้งกฎหมายภาษีข้าวที่บังคับใช้ในเดือน มี.ค. 2562 ซึ่งบังคับใช้กับการนำเข้าข้าวและการค้าเสรีข้าวนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าของฟิลิปปินส์ลดลงอีกด้วย
[su_spacer]
(สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา)