เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 สุลต่าน Haitham bin Tariq Al Said แห่งโอมานได้อนุมัติแผนบริหารงบประมาณระยะกลาง 5 ปี (2563 – 2567) หรือMedium-Term Fiscal Plan 2020-2024 เพื่อปรับสมดุลงบประมาณและลดภาระหนี้สินของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายลดการขาดดุลงบประมาณให้เหลือจํานวน 537 ล้านริยาล/1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 1.7 ของ GDP) ในปี 2567 (ปัจจุบันขาดดุล 4.6 พันล้านริยาล หรือ 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่มีกําหนดไม่เกิน 2.5 พันล้านริยาล หรือประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเพิ่มรายรับของรัฐบาลให้ได้ถึง 12 พันล้านริยาล จากภาค non-oil ร้อยละ 35 ในปี 2567 (ประมาณ 1.38 พันล้านริยาล หรือ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 488 ล้านริยาล หรือ 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้) และพยายามสร้างรายได้จากภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรและประมง เหมืองแร่ พลังงาน โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และภาคการผลิต รวมถึงเพิ่มการเก็บภาษีประเภทต่างๆ โดยมีรายละเอียดแผนบริหารงบประมาณฯ ดังนี้
.
1) กระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ: ส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน ทบทวนการเก็บค่าธรรมเนียมของรัฐบาล ส่งเสริมการใช้ระบบออนไลน์ กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในเขตพื้นที่ๆ ไม่ใช่พื้นที่อนุรักษ์ เพิ่มการจ้างงานชาวโอมาน และการผ่อนปรนวีซ่าท่องเที่ยว
.
2) เพิ่ม/กระจายรายได้ของรัฐบาล: เพิ่มรายรับของรัฐวิสาหกิจ ปรับปรุงกลไกเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี พิจารณาการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม อาทิ VAT และ Income tax
.
3) เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ: เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนในโครงการเพื่อการพัฒนา ของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน จํากัดการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ปฏิรูปการให้บริการของรัฐ
.
4) ปรับระบบการให้สวัสดิการภาครัฐ: ส่งเสริมการเข้าถึงสวัสดิการของคนยากไร้ ส่งเสริมการจ้างงาน ชาวโอมานเพื่อลดการพึ่งพาสวัสดิการของรัฐ
.
5) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงินของรัฐ: ปรับปรุงการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ
.
ทั้งนี้ มาตรการสําคัญที่ถูกจับตามองอย่างมากคือการจัดเก็บภาษี VAT ซึ่งจะเริ่มในปี 2564 และการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Income tax) สําหรับผู้มีรายได้สูง โดยในชั้นนี้ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษารายละเอียดและคาดว่ารัฐบาลโอมานจะเริ่มดําเนินการในปี 2565
.
ส่วนด้านการส่งเสริมการจ้างงานชาวโอมาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 รัฐบาลโอมานได้ประกาศให้ Job security fund เริ่มให้สวัสดิการแก่ชาวโอมานที่ถูกเลิกจ้าง โดยกองทุนดังกล่าวถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีนัยยะเพื่อส่งเสริมสวัสดิการเพื่อจูงใจชาวโอมานให้หันไปประกอบอาชีพในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลมีแผนเพิ่มการเก็บค่าธรรมเนียมการต่ออายุวีซ่าทํางานของชาวต่างชาติ อีกร้อยละ 5 ในปี 2564 (จากเดิม 300 ริยาล เป็น 315 ริยาล) เพื่อนํารายได้มาสมทบเข้ากองทุนดังกล่าว (กลุ่มอาชีพที่ได้รับการยกเว้นได้แก่ แม่บ้าน พนักงานขับรถ และเกษตรกร) โดยระหว่างมกราคม – กันยายน 2563 มีชาวต่างชาติเดินทางกลับประเทศแล้วกว่า 263,000 คน
.
นอกจากนี้ สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ สุลต่าน Haitham ได้ตราพระราชกฤษฎีกาที่ 110/220 ยุบรวม Public Authority for Privatization and Partnership (PAPP) เข้ากับกระทรวงการคลัง เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถกํากับดูแลการแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดยตรงกว่า 49 โครงการในสาขาที่สําคัญ ได้แก่ สาธารณสุข การศึกษา การวิจัยและพัฒนา สิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทน การคมนาคมขนส่ง และ IT
.
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต