ในช่วงแรกของปี 2567 ได้มีการปรับลด GDP จากที่เคยประเมินไว้ที่ร้อยละ 0.4 เป็นร้อยละ – 0.1 โดยการหดตัวนี้มีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการส่งออกที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในภาคสินค้า ซึ่งส่งผลเชิงลบต่อการเติบโตของ GDP นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อก็ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.9 อันเนื่องมาจากราคาอาหารและค่าเช่าที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ในไตรมาสที่ 4 อาจมีการฟื้นตัวเล็กน้อยในด้านการส่งออก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การเจริญเติบโตมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยการบริโภคภายในประเทศและการจ้างงานในตลาดแรงงานจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการลงทุนในภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะคงที่
โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลางต่อเนื่องจากแนวโน้มที่อ่อนแอในช่วงต้นปี ทั้งนี้ โดยภาพรวมสําหรับปี 2567 ยังคงอ่อนแอและคาดว่าจะทรงตัวตลอดช่วงที่เหลือของปี 2567 เนื่องจากความท้าทายเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ในขณะที่ปี 2568 มีการแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากการปรับอุปสงค์ทั่วโลกและ สภาพแวดล้อมด้านเงินเฟ้อที่สมดุลมากขึ้น
แนวโน้มเศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ ปี 2568
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงขึ้นหลังจากความท้าทายในปี 2567 ซึ่งสภาพเศรษฐกิจมีความซบเซา โดยคาดว่า GDP จะเติบโตที่ร้อยละ 1.3 และอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเหลือร้อยละ 2.7 ขณะเดียวกันภาคการส่งออกจะฟื้นตัวและมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ได้แก่
- (1) การฟื้นตัวของภาคการส่งออก เมื่ออุปสงค์ทั่วโลกสําหรับสินค้าและบริการของเนเธอร์แลนด์ปรับตัวดีขึ้น การบริโภคภายในประเทศมีการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งแม้จะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็ช่วยให้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และสามารถรักษากําลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ อัตราการว่างงานต่ําจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
- (2) การลงทุนภาคธุรกิจ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การลงทุนภาคธุรกิจจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในปี 2568 โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ดําเนินอยู่ อาทิ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการขาดแคลนแรงงาน ปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ภาคธุรกิจลงทุนในเทคโนโลยีอัตโนมัติและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน นอกจากนี้ แรงจูงใจ ทางภาษีและสภาวะทางการเงินที่เอื้ออํานวยอาจสนับสนุนการลงทุนเพิ่มเติม
- (3) อัตราเงินเฟ้อ คาดการณ์ว่าในปี 2568 อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือร้อยละ 2.7 เนื่องจากราคาพลังงานที่มีเสถียรภาพและอัตราการเพิ่มค่าเช่าและราคาอาหารกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงนี้ จะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น
- (4) การใช้จ่ายของรัฐบาล รัฐบาลน่าจะยังคงให้การสนับสนุนโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคมที่สําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสีเขียว ซึ่งการใช้จ่ายของภาครัฐนี้จะยังคงมีบทบาทเชิงบวกในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ
- (5) ตลาดแรงงาน ในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะยังคงตึงตัว แม้ว่าเนเธอร์แลนด์จะมีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ํา และมีตําแหน่งงานว่างคงที่ แต่แรงกดดันด้านค่าจ้างให้เพิ่มขึ้นยังคงอยู่เนื่องจากธุรกิจมีการแข่งขันกันเพื่อให้ได้แรงงานที่มีทักษะ
อย่างไรก็ดี อัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลต่อการเติบโตของการส่งออก โดยเฉพาะหากคู่ค้าหลักเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แม้จะมีการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและความยั่งยืนเพิ่มขึ้น แต่อาจส่งผลกระทบและมีความท้าทายสําหรับอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแหล่งพลังงาน แบบดั้งเดิม ซึ่งอาจนําไปสู่การเติบโตที่ช้าลงของภาคการผลิตในบางอุตสาหกรรม
ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก