ประเทศโมร็อกโกประกาศเก็บภาษีสำหรับการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยที่มนุษย์สร้างขึ้น พรมและผ้าปูพื้นที่ทำจากสิ่งทอ ผ้าดิบพิเศษ ผ้าปูพื้นแบบมีการบุ ผ้าลูกไม้ พรมตกแต่ง ผ้าประดับ ผ้าปัก ผ้าที่ทำจากการทอ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับ สิ่งที่ทำจากสิ่งทอ และผ้าและผ้าขี้ริ้วที่ใช้แล้วจากประเทศตุรกี ในอัตราไม่มากกว่าร้อยละ 90 ของอัตราที่โมร็อกโกเก็บจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากประเทศอื่นโดยการตั้งกำแพงภาษีดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่สินค้าเสื้อผ้าและสิ่งทอจากตุรกีทะลักเข้ามาในตลาดโมร็อกโก การนำเข้าสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 175 ระหว่างปี 2558-2560 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอของโมร็อกโก โดยเฉพาะการจ้างงาน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาทางสังคมในโมร็อกโก[su_spacer size=”20″]
กำแพงภาษีจะเป็นไปตามความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างโมร็อกโกกับตุรกี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2549 ซึ่งระบุให้ภาคีสามารถตั้งกำแพงภาษีเพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากความตกลงสามารถมีเวลาปรับตัวได้ โดยโมร็อกโกสามารถตั้งกำแพงภาษีได้ไม่เกิน 5 ปี นอกจากทั้งสองฝ่ายจะเห็นชอบให้ขยายระยะเวลา โดยอัตราภาษีที่เก็บจะต้องเป็นอัตราที่ทำให้คู่ภาคีได้เปรียบเมื่อเทียบกับการนำเข้าจากประเทศอื่น ทั้งนี้การตั้งกำแพงภาษีครั้งนี้ถือเป็นความเสี่ยงต่อผู้ประกอบการต่างชาติที่ส่งออกสินค้ามายังโมร็อกโก[su_spacer size=”20″]
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต