มาเก๊า ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออกของจีนติดกับมณฑลกวางตุ้ง มาเก๊ามีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 6.96 แสนรายและมีพื้นที่ขนาดเล็กเพียง 115 ตารางกิโลเมตร จึงไม่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติมากนักและพึ่งพารายได้ส่วนใหญ่จากการท่องเที่ยว ธุรกิจบันเทิง และคาสิโนที่มีมากถึง 42 แห่ง และมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” โดยในปี 2562 ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รายได้จากธุรกิจคาสิโนของมาเก๊ามีมูลค่าสูงถึง 1.27 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของ GDP มาเก๊าทั้งหมด
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการเข้าเมืองที่เข้มงวดตามแนวทาง “zero dynamic infection” ของรัฐบาลกลาง ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มาเก๊าสูญเสียรายได้จากธุรกิจคาสิโนและการท่องเที่ยวไปมหาศาล ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลกลางจึงประสงค์ที่จะให้มาเก๊าสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ (economic diversification) และลดการพึ่งพาธุรกิจคาสิโน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ (economic resilience) และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้มาเก๊าสามารถรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นอีกได้ในอนาคต ผ่านการดำเนินนโยบายและโครงการต่าง ๆ ดังนี้
การส่งเสริมให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางทางการเงิน
ที่ผ่านมา รัฐบาลกลางได้ผลักดันและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการเงินของมาเก๊าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางทางการเงินอีกแห่งของจีนและเพิ่มบทบาทของมาเก๊าในโครงการเขตอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Greater Bay Area – GBA) โดยรัฐบาลกลางและรัฐบาลมาเก๊าได้ริเริ่มโครงการด้านการเงินที่น่าสนใจในมาเก๊าหลายโครงการ อาทิ
(1) แนวคิดในการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์มาเก๊าที่มีการซื้อ-ขายด้วยสกุลเงินหยวน เพื่อยกระดับศักยภาพและการขยายตัวของอุปสงค์ของเงินหยวนในตลาดโลก
(2) โครงการ Wealth Management Connect เพื่อสร้างการบริการทางการเงินแบบข้ามพรมแดนในเขต GBA
(3) โครงการ Qualified Foreign Limited Partnership (QFLP) ในเขต Macao – Hengqin Zone เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ฮ่องกง และไต้หวัน ให้ใช้มาเก๊าเป็นฐานการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ (startups) ในจีน โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงินกองทุน/สินทรัพย์ขั้นต่ำในการเข้ามาระดมทุนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมาเก๊านับเป็นเมืองที่ 11 ของจีนที่เข้าร่วมโครงการ QFLP
หรือมาเก๊าจะมาแทนที่ฮ่องกง ?
หลายคนอาจตั้งข้อสังเกตว่ามาเก๊าจะกลายมาเป็นคู่แข่งกับเพื่อนบ้านอย่างฮ่องกงที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศมาอย่างยาวนานหรือไม่ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากจุดขายของเศรษฐกิจมาเก๊าแตกต่างจากเศรษฐกิจฮ่องกง คือ ในขณะที่ฮ่องกงเป็นประตูเชื่อมโลกตะวันตกกับจีน แต่มาเก๊ามีความได้เปรียบจากการใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นหนึ่งในภาษาราชการ จึงทำให้รัฐบาลกลางเห็นว่า สามารถใช้มาเก๊าเป็นสะพานเชื่อมจีนกับตลาดกลุ่มประเทศผู้ใช้ภาษาโปรตุเกส อาทิ โปรตุเกส บราซิล แองโกลา โมซัมบิก และติมอร์เลสเต ที่มีประชากรรวมกันถึง 230 ล้านคนทั่วโลก เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนผู้ใช้ภาษาโปรตุเกสในการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในจีน โดยเฉพาะการลงทุนในเขต Macao – Hengqin Zone และพื้นที่ GBA และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจตามนโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ของจีน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมาเก๊า GBA และจีน น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนจากต่างชาติ
การส่งเสริมให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกิจกรรมสันทนาการระดับโลก
นอกจากการส่งเสริมให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางทางการเงินอีกแห่งหนึ่งของจีนแล้ว รัฐบาลมาเก๊ายังเสริมสร้างขีดความสามารถของมาเก๊าในด้านการท่องเที่ยวและกิจกรรมสันทนาการ เพื่อส่งเสริมให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกิจกรรมสันทนาการระดับโลก (World Centre of Tourism and Leisure) ผ่านการดำเนินนโยบาย “Tourism+” ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของมาเก๊าร่วมกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย (1) อุตสาหกรรม MICE (2) การแพทย์/สุขภาพ (โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนายาแพทย์แผนจีน) (3) e-commerce (4) วัฒนธรรมและกีฬา และ (5) อุตสาหกรรมสร้างสรรค์
โอกาสของธุรกิจไทย
การพลิกโฉมมาเก๊าสู่ความหลากหลายทางเศรษฐกิจนี้ หมายถึงโอกาสสำคัญสำหรับภาคธุรกิจไทย
1. Financial Service and E-Commerce ธุรกิจไทยสามารถจับมือกับธุรกิจมาเก๊าเพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและบริการทางการเงิน (financial service) เพื่อตอบสนองนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมการเงินของมาเก๊า รวมทั้งร่วมมือในด้าน e-commerce เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการค้าระหว่างกัน
2. Medical Tourism ไทยและมาเก๊าต่างมีศักยภาพที่โดดเด่นในด้านการแพทย์และสุขภาพ รวมไปถึงการท่องเที่ยว รวมทั้งมีนโยบายในการส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเช่นเดียวกัน ดังนั้น การร่วมมือด้านอุตสาหกรรม MICE และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับมาเก๊าจึงเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม
3. Bridge to Portuguese Speaking Countries มาเก๊าเป็นที่ตั้งของศูนย์ “Complex of Commercial and Trade Co-operation Platform for China and Portuguese Speaking Countries (PSCs)” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการขยายโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม MICE ระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศผู้ใช้ภาษาโปรตุเกส ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของธุรกิจไทยในการใช้มาเก๊าเป็นฐานในการขยายธุรกิจสู่ตลาดกลุ่มประเทศผู้ใช้ภาษาโปรตุเกสอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากตลาด GBA และตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
แหล่งที่มาของข้อมูล:
- www.scmp.com/business/banking-finance/article/3161523/beijing-boost-casino-hub-macaus-diversification-financial
- www.globaltimes.cn/page/202109/1235245.shtml#:~:text=There’s%20a%20good%20chance%20that,up%20with%20the%20Chinese%20mainland
- www.policyaddress.gov.mo/?l=en#:~:text=The%20Chief%20Executive%2C%20Mr%20Ho,and%20the%20exploration%20of%20development
- www.scdt.gov.mo/en/home-coming/work-employment/business/