นายพูทะเพ็ด ไซสมบัด หัวหน้ากรมส่วยสาอากร กระทรวงการเงิน สปป. ลาว รายงานต่อที่ประชุมสรุปผลดำเนินงานตามแผนงบประมาณในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 และคาดการณ์แผนงบประมาณปี 2564 ว่าหน่วยงานด้านภาษีของ สปป. ลาววางแผนการจัดเก็บภาษีทั้งหมด 12,112 พันล้านกีบในปี 2564 แบ่งออกเป็นการจัดเก็บภาษีของกรมส่วยสาอากร 7,069 พันล้านกีบ และส่วนท้องถิ่น 5,043 พันล้านกีบ โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 สามารถจัดเก็บภาษีได้ 3,250.4 พันล้านกีบ คิดเป็นร้อยละ 26.9 ของแผนประจำปี และคาดว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 จะสามารถจัดเก็บภาษีได้เพียง 4,642 พันล้านกีบ คิดเป็นร้อยละ 38.3 ของแผนประจำปี (เพิ่มขึ้น 465 พันล้านกีบ หรือร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา)
.
แม้ว่าการจัดเก็บรายรับจากภาษีต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ภาษีเงินได้บุคคลและนิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต แต่ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายการจัดเก็บภาษีในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ที่ตั้งไว้ จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถเก็บภาษีได้ 10,096 พันล้านกีบ คิดเป็นร้อยละ 83.4 ของแผนประจำปี แบ่งออกเป็นการจัดเก็บภาษีของกรมส่วยสาอากร 6,145 พันล้านกีบ คิดเป็นร้อยละ 86.9 และส่วนท้องถิ่น 3,951 พันล้านกีบ คิดเป็นร้อยละ 78.3 ของแผนประจำปี
.
ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้การจัดเก็บภาษีไม่บรรลุตามแผนที่วางไว้มาจากสถานการณ์ COVID-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ส่งผลให้เศรษฐกิจของ สปป. ลาวชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการขยายเวลาการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะในแขวงที่เป็นฐานการผลิตของภาคเอกชนที่สำคัญและเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น นครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง จำปาสัก สะหวันนะเขต เวียงจันทน์ และบ่อแก้ว ซึ่งบริษัทหลายแห่งหยุดกิจการชั่วคราว โดยเฉพาะกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
.
ซึ่งการประกาศให้ภาคธุรกิจปิดทำการชั่วคราวนั้น จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของประชากรในประเทศ รวมถึงจะส่งผลให้ภาคบริโภคของประเทศชะลอตัวลง เนื่องจากประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวน้อยลง ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจสร้างความเปราะบางต่อเศรษฐกิจการเงินของประเทศได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่มีความประสงค์จะเข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะในแขวงที่เป็นฐานการผลิตของภาคเอกชนที่สำคัญและเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว อาจจะต้องพิจารณาชะลอการลงทุนออกไปก่อนและรอให้สถานการณ์ดีขึ้น พร้อมติดตามสถานการณ์และการประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จากรัฐบาล สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด และปรับแผนธุรกิจต่อไป
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์