เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2564 ดร. คำแพง ไซสมแพง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว เป็นประธานการประชุม Lao Business Forum (LBF) ครั้งที่ 13 โดยมีนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ดร. สอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงแผนการและการลงทุน สปป. ลาว นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป. ลาว นายอุเดด สุวันนะวง ประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว และผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วม
.
ดร. คำแพง ไซสมแพง รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจจากการประชุม LBF ครั้งที่ 12 เช่น การคุ้มครองด้านภาษีอากร การอำนวยความสะดวกทางการค้า การบริการของภาครัฐ การเข้าถึงแหล่งทุนและข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการปรึกษาหารือเกี่ยวกับระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่บางธุรกิจได้พัฒนาขีดความสามารถของตนและเข้ามามีส่วนช่วยกำหนดนโยบายร่วมกับพรรคและรัฐ
.
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการปรึกษาหารือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ได้มีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การกำหนดระเบียบและกลไกเศรษฐกิจตลาด ซึ่งการปรับปรุงตามตามแนวทางข้างต้นล้วนแต่มีความสำคัญต่อการการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจใน สปป. ลาว
.
นายอุเดด สุวันนะวง กล่าวว่า การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจของ สปป. ลาวขยายตัวช้าลง โดยในปี 2563 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.5 โดยมีหลายธุรกิจได้รับผลกระทบ และส่งผลให้การจ้างงานลดลง โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว การบริการ และการผลิต เนื่องมาจากมาตรการจำกัดการเดินทางและการเพิ่มความระมัดระวังจากสถานการณ์ COVID-19 โดยหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศชี้ให้เห็นว่ากว่าร้อยละ 80 ของภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นภาคการท่องเที่ยว การขนส่ง และการแปรรูป และหลายธุรกิจต้องปิดกิจการถาวร นอกจากนี้ ในปี 2563 แรงงานร้อยละ 15 ถูกเลิกจ้าง อีกทั้งแรงงานลาวในต่างประเทศส่งเงินกลับประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจลาวยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะ ค่าเงินกีบอ่อนค่า ราคาอาหารและสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มสูงขึ้น และสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจใน สปป. ลาวยังคงต้องได้รับการปรับปรุง ซึ่งสิ่งท้าทายดังกล่าวทำให้เกิดข้อจำกัดด้านงบประมาณและเงินทุนช่วยเหลือภาคธุรกิจและสังคมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
.
นายพันคำ วิพาวัน กล่าวว่า รัฐบาล สปป. ลาวได้ออกนโยบายและระเบียบเพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมความหลากหลายทางเศรษฐกิจ การฟื้นตัวและขยายตัวของภาคธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว และจะนำความเห็นของภาคธุรกิจไปเป็นข้อมูลสำหรับการประเมินการปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงและองค์กรต่าง ๆ ทั้งนี้ ภาคธุรกิจนับเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจของชาติ กล่าวคือ เป็นผู้สร้างรายรับให้รัฐบาล หากภาคธุรกิจสามารถดำเนินงานได้ดี มีผลกำไรก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีความเข้มแข็ง รัฐบาลก็มีงบประมาณสำหรับใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ
.
ในขณะเดียวกันภาครัฐต้องเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจการได้อย่างคล่องตัว เช่น การให้บริการ การส่งเสริมและคุ้มครองตามกฎหมายบนพื้นฐานของความเด็ดขาด โปร่งใส และเป็นมืออาชีพ นายพันคำ วิพาวัน ได้มอบให้รัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันปรึกษาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเป็นรายกรณี โดยเฉพาะวาระแห่งชาติว่าด้วยการแก้ไขความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งจะต้องดำเนินการปรึกษาหารือเป็นรายกรณีทันที พร้อมเน้นให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถือครองทะเบียนวิสาหกิจอย่างถูกต้อง เสียภาษี สร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่เข้มแข็ง รวมทั้งจัดตั้งกลุ่ม สมาคม หรือสหกรณ์ และร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจของตน
.
ถึงแม้ว่าการระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจของ สปป. ลาวขยายตัวช้าลง แต่ สปป.ลาวถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องก่อนการแพร่ระบาด และเป็นประเทศที่หลายฝ่ายคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างมากในช่วง 10 ปีข้างหน้า อีกทั้งรัฐบาลยังได้มีการผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามาทำธุรกิจและลงทุนในประเทศด้วยการออกนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจการได้อย่างคล่องตัว ผู้ประกอบการไทยจึงอาจพิจารณาเข้าไปลงทุนหรือดำเนินธุรกิจใน สปป. ลาว หลังการแพร่ระบาดได้ นอกจากนี้ สปป.ลาว ยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเป็นฐานการผลิต เและสินค้าจากไทยยังคงได้รับความนิยมจากประชาชนลาว จึงได้รับความเชื่อถือจนกลายมาเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อีกทั้ง ในอนาคตยังเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดเข้าสู่ ASEAN Economic Community (AEC) อีกด้วย โดยธุรกิจที่น่าลงทุนใน สปป.ลาว ได้แก่ ธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจการเกษตร และ ธุรกิจบริการ