ข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว ระบุว่า ในเดือนมกราคม 2564 การส่งออกสินค้าของ สปป. ลาวไปไทยมีมูลค่า 89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนมกราคม 2563 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกกะหล่ําปลีในเมืองปากซอง แขวงจําปาสักที่ได้รับผลกระทบจากการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดมากขึ้น โดยมีการคัดกรองบุคคลที่เดินเข้าประเทศ รวมถึงยานพาหนะที่ข้ามแดนมาจากไทย ซึ่งทําให้ผู้ประกอบการไทยที่รับซื้อกะหล่ําปลีมีความยากลําบากในการเดินทางเข้ามายัง สปป. ลาว และส่งผลให้กะหล่ําปลีจํานวนหลายพันตันตกค้าง ในขณะเดียวกันการส่งออกข้าวโพดหวานในแขวงไซยะบูลีไปไทย ในเดือนมกราคม 2564 ลดลงเช่นกัน
.
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกดังกล่าวไม่รวมมูลค่าการส่งออกไฟฟ้าไปไทย โดยไทยเป็นผู้ซื้อไฟฟ้ารายใหญ่ ของ สปป. ลาว รองจากทองแดงและผลิตภัณฑ์ทองแดง ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าสินค้าทั่วไปและกล้องถ่ายรูป รวมทั้งสินค้า อื่น ๆ ได้แก่ ยานพาหนะและอะไหล่ และผลิตผลทางการเกษตร
.
ในขณะที่เดือนมกราคม 2564 มูลค่าการส่งออกของสปป.ลาวไปจีนเพิ่มขึ้นจาก 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 167 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเวียดนามเพิ่มขึ้นจาก 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ มูลค่าสินค้าที่ สปป.ลาว นําเข้าจากไทยยังคงที่ แม้ สปป. ลาว จะยังคงสั่งห้ามนําเข้าอาหารทะเลสดและแช่แข็งจากไทยในเดือนธันวาคม 2563 หลังจากที่มีการระบาดของ COVID-19 ครั้งใหม่ในไทย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวและมีความประสงค์ที่จะส่งออกสินค้าอาหารทะเลสดและแช่แข็งไปยัง สปป. ลาว ควรที่จะติดตามมาตรการของรัฐบาล สปป.ลาวต่อไป
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์