นายไลทอง พมมะวง ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 รัฐบาล สปป. ลาว มีมาตรการปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ รวมถึงสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งการก่อสร้างเกิดความล่าช้า เนื่องจากผู้รับเหมาจากไทยได้รับอนุญาตให้ส่งคนงานเข้ามาดำเนินการที่ฝั่งลาวช่วงกลางวันเท่านั้น และต้องข้ามแม่น้ำโขงกลับไทยทุกเย็น อย่างไรก็ตาม ในส่วนการก่อสร้างที่ดำเนินการโดยบริษัทลาวยังคงดำเนินตามแผนที่วางไว้เช่นเดิม
.
ปัจจุบัน การก่อสร้างเส้นทางเข้าและด่านตรวจคนเข้าเมืองมีความคืบหน้าร้อยละ 10 สะพานดังกล่าวเริ่มดำเนินการก่อสร้างเป็นระยะเวลา 5 เดือน คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 36 เดือนและจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 โดยมีมูลค่าการก่อสร้างทั้งหมด 3,900 ล้านบาท
.
ปัจจุบัน การขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างแขวงบอลิคำไซและจังหวัดบึงกาฬจะใช้เรือข้ามฝาก หากสะพานแล้วเสร็จจะทำให้แขวงบอลิคำไซกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมระดับภูมิภาคอีกระหว่างไทย สปป. ลาว และเวียดนาม ด้วยระยะทางเพียง 150 กม. ถือเป็นเส้นทางเชื่อมต่อที่สั้นที่สุดของสามประเทศ
.
ทั้งนี้ การสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 อาจมีความล่าช้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่เมื่อสะพานแล้วเสร็จนั้น จะสามารถช่วยกระตุ้นการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และท่องเที่ยวระหว่างไทยกับลาว รวมถึงทำให้การขนส่งสินค้าจากไทยไปสู่ตลาดจีนตอนใต้คล่องตัวขึ้น ผู้ประกอบการไทยจึงสามารถใช้ประโยชน์จากสะพานแห่งนี้ในการเจาะตลาดและส่งออกสินค้าไปยังสปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ได้ โดยเฉพาะสินค้าอย่าง “ยางพารา” ที่เป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยในอุตสหากรรมท่องเที่ยวอาจพิจารณาเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ที่เชื่อม 3 ประเทศ “ไทย-ลาว-เวียดนาม” ในอนาคตหลังการคมนาคมเชื่อมโยงถึงกันได้อีกด้วย
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียงจันทน์