เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Bank of Korea) เปิดเผยข้อมูลจาก OECD และธนาคารโลกว่า GDP ต่อหัวของเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ 32,142 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 23 ของโลก) ลดลงร้อยละ 8.2 จากปี พ.ศ. 2564 นับเป็นอัตราการลดลงที่สูงเป็นอันดับที่ 3 ในบรรดา 47 ประเทศหลักทางเศรษฐกิจของโลก ซึ่งรองจากญี่ปุ่น และสวีเดน โดยเป็นผลจากสกุลเงินวอนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ ขนาดเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่อันดับที่ 13 ของโลก (ลดลง 3 อันดับ) อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังเปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 เกินดุลทั้งสิ้น 5.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เกาหลีใต้ได้ดุลเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งแสดงถึงการส่งออกของเกาหลีใต้ที่ยังคงมีศักยภาพ
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2566 Korea International Trade Association (KITA) เปิดเผยว่า การส่งออกวัสดุแคโทด ซึ่งเป็นวัสดุหลักสำหรับผลิตแบตเตอรี่ชนิดชาร์จใหม่ได้ของเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนมกราคม – กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 177.8 มีมูลค่ากว่า 1.836 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากเดิม 6.61 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา (Inflation Reduction Act: IRA) มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้วัสดุแคโทดและแอโนด เป็นวัสดุสำหรับการผลิตส่วนประกอบของวัสดุแบตเตอรี่ (battery constituent materials) แทนการเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบของแบตเตอรี่ (battery components) ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตวัสดุแคโทดของเกาหลีใต้สามารถผลิตในประเทศเพื่อส่งออกมาใช้ผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐอเมริกาได้ และผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของเกาหลีใต้ เช่น (1) LG Energy Solution (2) SK On และ (3) Samsung SDI ได้สร้างความร่วมมือกับผู้ผลิต EV ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งจัดตั้งฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา เพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีตามข้อกำหนด IRA ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 นายชู คยอง-โฮ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลังเกาหลีใต้ได้จัดการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ (economy-related ministers) เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดของเกาหลีใต้ และแนวทางการส่งเสริมการส่งออก เช่น แผนกระจายสินค้าส่งออกในแต่ละภูมิภาค และแผนผ่อนปรนกฎระเบียบการส่งออก โดยรัฐบาลเกาหลีใต้จะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงให้เป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ระดับชาติ โดยกำหนดให้การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นเทคโนโลยีสินค้าเกษตรขั้นสูง อีกทั้งจะสนับสนุนให้เป็นอุตสาหกรรมส่งออกหลักของประเทศ โดยจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงจาก 149 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2565 เป็น 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี พ.ศ. 2570 ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทียังได้เปิดเผยแผนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานระดับสากลภายในสิ้นปี พ.ศ. 2566 นี้ เพื่อผลักดันให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับระบบบ้านอัจฉริยะสามารถแข่งขันในตลาดโลก รวมถึงจะผ่อนปรนกฎระเบียบคลังสินค้าทัณฑ์บน และลดความซับซ้อนของขั้นตอนทางศุลกากรเพื่อหล่อเลี้ยงการส่งออกอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงให้ขยายตัวต่อไป
ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์