ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งชาวไทยตั้งใจว่าจะต้องเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศสักครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย อาทิ เมืองหลวงที่มีความเจริญอย่างกรุงโตเกียว เมืองเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมอย่างเมืองเกียวโตหรือเมืองใหญ่ที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างฮอกไกโดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ และเมืองฟุกูโอกะที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้[su_spacer size=”20″]
นอกจากเมืองต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เมืองโอซากา ในเขตคันไซ บนเกาะฮอนชู ทางตอนกลางของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 และมีประชากรประมาณ 2.7 ล้านคน มากเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น รองจากกรุงโตเกียวและเมืองโยโกฮามา ก็ถือเป็นเมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จากการที่โอซากาถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ การค้าและวัฒนธรรม มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน [su_spacer size=”20″]
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเยือนโอซากาในปี 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 11.11 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน 4.02 ล้านคน เกาหลีใต้ 2.41 ล้านคน ตามมาด้วยไต้หวันและฮ่องกง ขณะที่นักท่องเที่ยวจากไทย มาเลเซียและเวียดนามก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีทั้งหมด 28.69 ล้านคน พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังโอซากาคิดเป็นร้อยละ 38 ของทั้งประเทศ นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในโอซากายังสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศในอัตรา 2.8 เท่าอีกด้วย (ใช้ฐานการเปรียบเทียบกับปี 2556) สัญญาณการเติบโตที่ดีดังกล่าวทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากาตั้งเป้าว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561 จะเพิ่มเป็น 13 ล้านคน และตั้งเป้าเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากเดิม 1.18 ล้านล้านเยน ในปี 2560 เป็น 1.19 ล้านล้านเยน ในปีนี้[su_spacer size=”20″]
การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในโอซากาดังกล่าวเป็นผลมาจากการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (low cost airline) มายังสนามบินนานาชาติคันไซ ที่ในปัจจุบัน มีจำนวน 481 เที่ยว/สัปดาห์ เพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่า จากปี 2554 นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นตัวกระตุ้น อาทิ การอ่อนตัวของค่าเงินเยน[su_spacer size=”20″]
การเติบโตในภาคการท่องเที่ยวดังกล่าวทำให้ธุรกิจโรงแรมในโอซากามีความคึกคักตามไปด้วย โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาพักแรมในเขตคันไซเมื่อปี 2559 มีจำนวนอยู่ที่ร้อยละ 30 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม พบว่าจำนวนที่พักในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในเขตคันไซยังมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะที่จังหวัดนารา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2559 1.654 ล้านคน แต่มีเพียง 3.07 แสนคนที่พักในจังหวัด สาเหตุสำคัญมาจากการที่จังหวัดนารามีห้องพักรองรับเพียง 3,675 ห้อง ด้วยเหตุนี้เอง ในการพบหารือระหว่างนาย มุนินท ปานิสวัสดิ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโอซากา กับนาย Ichiro Sone ผู้บริหาร Japan External Trade Organization (JETRO) สาขาโอซากา เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา นาย Ozaki จึงได้ชักชวนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในคันไซมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาการท่องเที่ยว ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งน่าจะยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก[su_spacer size=”20″]
ในอนาคตอันใกล้นี้ โอซากาและคันไซจะจัดกิจกรรมระดับโลก ได้แก่ Rugby World Cup 2019 งาน Kansai World Masters Games 2021 และอยู่ระหว่างการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด World Expo 2025 ด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่โอซากาจะได้รับใบอนุญาตให้เปิดสถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร รวมถึงคาสิโน (อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาญี่ปุ่น) ด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะเป็นปัจจัยเสริมในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังโอซากาและคันไซมากขึ้น และทำให้ความต้องการโรงแรมและร้านอาหารสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการชาวไทยที่มีศักยภาพ ทั้งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ และธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรเร่งศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนต่อไป[su_spacer size=”20″]
ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา