ถึงแม้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอก 4 ในอิสราเอล แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอิสราเอล เนื่องจากอิสราเอลสามารถรับมือและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ได้ดี เช่น การใช้มาตรการเร่งระดมฉีดวัคซีนเข็มที่สามควบคู่ไปกับการงดใช้มาตรการ lockdown อีกทั้งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปได้เกือบเป็นปกติ และไม่เกิดผลกระทบในระยะยาวต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ในภาพรวมเศรษฐกิจของอิสราเอลยังสามารถขยายตัวได้ดีในปีนี้และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
.
การคาดการณ์ตัวเลขจากภาพรวมเศรษฐกิจของอิสราเอลในด้านต่าง ๆ โดยในปี 2564 มีการขยายตัวของ GDP อยู่ที่ 7 % อัตราเงินเฟ้อ 2.5 % และอัตราการว่างงาน 5.5 % คาดการณ์ว่าในปี 2565 การขยายตัวของ GDP จะอยู่ที่ 5.5 % อัตราเงินเฟ้อ 1.6 % และอัตราการว่างงาน 5.2 %
.
ถึงแม้อิสราเอลจะประสบกับปัญหาด้านการเมืองและความมั่นคง แต่สภาวะเศรษฐกิจของอิสราเอลยังคงความน่าเชื่อถือ โดย Standard &Poor’s Global Ratings ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจอิสราเอลอยู่ที่ระดับ “AA-/A-1+” และในปีนี้ ถึงแม้จะมีปัญหาจากโควิดแต่นักลงทุนจากต่างประเทศได้เข้ามาลงทุนในอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง เช่น Microsoft ได้ขยายการลงทุนด้าน R&D ในอิสราเอลเพิ่มเติมมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในส่วนของเอเชียมีนักลงทุนจากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในอิสราเอล เช่น บริษัทของจีนได้เข้ามาร่วมกับบริษัทท้องถิ่น เพื่อร่วมประมูลการก่อสร้างในโครงสร้างพื้นฐานของอิสราเอล
.
นอกจากนี้บริษัทจากต่างประเทศหลายรายได้เน้นมาลงทุนในบริษัท Start Up ในสาขาต่าง ๆ ของอิสราเอลอีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติเล็งเห็นถึงศักยภาพและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในอิสราเอล ดังนั้นหากนักลงทุนไทยจะพิจารณาลงทุนในอิสราเอลโดยเฉพาะธุรกิจ Start Up ด้านนวัตกรรมก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจไทยต่อไป
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ