มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลการดำเนินงานประเด็นปัญหาในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในอินเดียในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตลอดปี 2563 และหารือเกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน รวมทั้งข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในปี 2564 เพื่อให้การดำเนินงานมีการบูรณาการและ สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยประเด็นปัญหาและอุปสรรคของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานกรุงนิวเดลีในปี 2563 มีดังนี้ (1) การปิดสนามบินระหว่างประเทศทั้งของไทยและอินเดีย แม้ว่าอินเดียจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการ ให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศภายใต้ความตกลงทวิภาคีแบบ Air Transport Bubble กับ 21 ประเทศ และไทยอนุญาตให้ชาวอินเดียสามารถขอวีซ่าบางประเภทเพื่อเดินทางเข้าไทยมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในปัจจุบันยังไม่มี Air Transport Bubble ระหว่างไทยกับอินเดีย จึงยังไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างกัน (2) การกำหนดให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ต้องกักตัวในสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) เป็นเวลา 14 วัน กระทบต่อการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม leisure ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 5-6 วัน อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากเอเย่นต์ท่องเที่ยวแสดงว่า ชาวอินเดียยังคงชื่นชอบ และอยากไปประเทศไทย แต่ติดปัญหาอุปสรรคดังกล่าวข้างต้น
.
โดยนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำหรับอินเดียในปี 2564 คือรักษาตลาดและส่งเสริมความนิยมการท่องเที่ยวไทยให้อยู่ในกระแส โดยจะเน้นการประชาสัมพันธ์หรือการจัดกิจกรรมออนไลน์ โดยมีกิจกรรมหลักในรูปแบบเดิมลดลง อาทิ การจัดงานลอยกระทง เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2563 ที่กรุงนิวเดลี โดยมีผู้เข้าร่วมงาน 100 คน ได้แก่ เอเยนต์ท่องเที่ยว สื่อมวลชน สายการบิน และอื่น ๆ งานได้รับการตอบรับที่ดีมากและไทยยังอยู่ในความ สนใจของนักท่องเที่ยวอินเดีย และในปี 2564 มีแผนจะจัด road show เพื่อพบเอเย่นต์ท่องเที่ยว ณ เมืองกัลกัตตา ในเดือน ก.พ. 2564และร่วมจัดซุ้มไทยกับสถานกงสุลใหญ่ในงาน Travel and Tourism Fair เดือน ส.ค. 2564 ณ เมืองกัลกัตตา เช่นเดียวกัน เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยคงอยู่ในกระแสความนิยมต่อไป
.
ข้อเสนอแนะด้านมุมมองการท่องเที่ยวของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา สถานกงสุลใหญ่แจ้งว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งชาวอินเดียสามารถขอวีซ่าท่องเที่ยว (TR) ได้แล้วตั้งแต่ 2 พ.ย. 2563 เป็นต้นมา โดยไม่ต้องพิจารณาเรื่องประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันอินเดียอยู่ในกลุ่มประเทศความเสี่ยงกลาง ทั้งนี้ นอกจากวีซ่าแล้ว จะต้องมี Certificate of Entry (COE) และผ่านเงื่อนไขอื่น ๆ อาทิ มีเงินฝากสกุลท้องถิ่นเทียบเท่า ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือประมาณ 1.2 ล้านรูปี ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เอกสารการจองที่พัก ASQ และประกันสุขภาพรวมการรักษาโควิด-19 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ และปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ด้วย โดยจะพำนักในไทยไม่เกิน 60 วัน นอกจากนี้ทางการไทย ยังอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติไปประเทศไทยเพื่อติดต่อธุรกิจ ทั้งกรณีวีซ่ายังไม่หมดอายุ (ทั้ง single entry หรือ multiple entries) และกรณีขอใหม่ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางการไทยกำหนดด้วย นอกจากนี้สถานกงสุลใหญ่ได้เริ่มใช้ระบบ COE Online ของกระทรวงฯ เพื่อให้คนไทยและคนต่างชาติสามารถยื่นคำร้องออนไลน์ได้โดยตรง
.
สถานกุงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา