Wednesday, June 4, 2025
  • Login
  • Register
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
Glob Thailand
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Home ทันโลก

เศรษฐกิจของอินเดียปี 2567 

14/01/2025
in ทันโลก, เศรษฐกิจ I การเงิน
0
เศรษฐกิจของอินเดียปี 2567 
0
SHARES
329
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

เศรษฐกิจอินเดียในปี 2567 ยังคงขยายตัวแม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 (ก.ค.-ก.ย. 2567) ของปีงบประมาณ ปัจจุบัน GDP หดตัวลงเหลือเพียงร้อยละ 5.4 ซึ่งต่อมาธนาคารกลางอินเดียได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัว ของ GDP ในปีงบประมาณนี้ จากเดิมร้อยละ 7-7.2 เป็นร้อยละ 6.6 ซึ่งเริ่มส่งสัญญาณสะท้อนว่าเศรษฐกิจอินเดียในอนาคตอาจจะเริ่มชะลอตัวลงและไม่เป็นไปตามคาด โดย IMF ได้ประมาณการ GDP ต่อหัวของประชากรในปี 2567 ไว้ที่ 2,698 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในอันดับที่ 144 จาก 194 ประเทศ/เขต เศรษฐกิจ และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,937 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนว่าประชากรผู้มีรายได้ระดับกลางเพิ่มมากขึ้นและจะส่งเสริมให้มีอุปสงค์ในการบริโภคมากขึ้น  

อินเดียยังคงสถานะเป็น อันดับที่ 5 ของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก รองจากสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมนี อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณต่อไป อินเดียจะก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 4 ด้วย GDP 4,340 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองจากสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี และคาดว่าในปี 2570 จะเลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ตามที่รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าไว้ 

โดยปัจจัยสนับสนุนหลักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ นโยบายด้านการค้าและการลงทุน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชน การไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศ การขยายตัวของภาคการส่งออก และ งบประมาณลงทุนของภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานที่สูง การขาดแรงงานที่มีทักษะฝีมือ รวมทั้งระบบคมนาคมขนส่ง และ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญของอินเดีย 

การค้า  

ในภาพรวม มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในปี 2567 ของอินเดียเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังคงขาดดุลการค้ามากขึ้น และเป็นประเด็นที่รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญอย่างมากที่ต้องการจะแก้ไข เห็นได้จากการมี
(1) นโยบายให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการผลิตภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดหรือ ทดแทนการนำเข้า (2) การออกนโยบายส่งเสริมโอกาสและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกให้สามารถแข่งขันได้ (3) การกำหนดมาตรการ/ระเบียบที่เข้มข้นขึ้นสำหรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และ (4) การชะลอการจัดทำข้อตกลงเขตเศรษฐกิจพิเศษ (FTA) ซึ่งในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ย. 2567 อินเดียมีมูลค่าการส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 7.61 และนำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 9.55 หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอินเดียขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลอินเดียจึงมีแนวโน้มที่จะชะลอ/ลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศสมาชิกอาเซียนและจีน ซึ่งอินเดียขาดดุลการค้าสูง ผ่านการใช้มาตรการต่าง ๆ ที่มิใช่ภาษี แม้ว่าอินเดียจะยังไม่สามารถผลิตสินค้าบางประเภทได้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศก็ตาม นอกจากนี้ ในปี 2567 รัฐบาลอินเดียได้สอบสวนการทุ่มตลาดสินค้าจาก จีน ไทย และไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทพลาสติกและเคมีภัณฑ์  

การลงทุน 

อินเดียยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยเกื้อกูลจากขนาดของตลาดที่ใหญ่และกำลังเติบโต ค่าแรงต่ำ วัตถุดิบที่หลากหลาย นโยบายของรัฐบาลกลางที่กำหนดเป้าหมายการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมในสาขาต่าง ๆ และให้สิทธิประโยชน์ที่ชัดเจน เช่น Green Hydrogen เวชภัณฑ์และยา IT และดิจิทัล ยานยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้งรัฐบาลของรัฐต่าง ๆ ที่มีนโยบายเสริมกัน โดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ระหว่าง เม.ย. 2543-ก.ย. 2567 มีมูลค่าสะสม 1.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยละ 69 เป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 และในครึ่งแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน มีมูลค่าเงินลงทุนไหลเข้า ประมาณ 42.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเปรียบเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ก่อนหน้า  

ในปี 2567 รัฐบาลอินเดียได้ปฏิรูปนโยบายเพื่อสนับสนุนการลงทุน อาทิ การเปิดเสรีการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมบางประเภท มาตรการ Production-Linked Incentives (PLI) การให้แรงจูงใจด้านภาษี  การปรับปรุงความสะดวกในการทำธุรกิจ โดยหวังจะดึงดูดและกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้  การลงทุนจากต่างประเทศที่มีความโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ การตั้ง Data center โรงงานผลิต โทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ทางการแพทย์ พลังงานทางเลือก ยานยนต์ ซึ่งเป็นสาขาที่รัฐบาลอินเดีย  พยายามผลักดันภายใต้นโยบาย Make in India  

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 

รัฐบาลอินเดีย ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศอย่างจริงจัง เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่แต่ยังขาดโครงข่ายคมนาคมเพื่อเข้าถึงพื้นที่แต่ละรัฐได้อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งมีส่วนท้าทายต่อการพัฒนา รวมถึงบางพื้นที่อาจเป็นจุดอ่อนต่อความมั่นคง ซึ่งในปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียเร่งการก่อสร้างถนนและรางรถไฟเพื่อเชื่อมโยง รัฐ/เมืองต่าง ๆ การพัฒนาท่าเรือและศูนย์โลจิสติกส์รวมถึงก่อสร้างสนามบินกว่า 20 แห่ง 


อย่างไรก็ตาม ปัญหาการว่างงานเกือบร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรวัยทำงานยังเป็นความท้าทายหลักของรัฐบาล อีกทั้งยังมีประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติ/ทักษะของเยาวชนที่ไม่ได้มาตรฐานมากพอที่จะได้รับการจ้างงาน ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการศึกษา รัฐบาลอินเดียจึงให้ความสำคัญกับการตั้งสถาบันการศึกษาและสถาบันฝึกวิชาชีพ/แรงงานเพื่อยกระดับทักษะ และเร่งรัด โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราการจ้างแรงงานสูงขึ้น  

นอกจากนั้น อินเดียยังคงประสบปัญหาเงินเฟ้อในอัตราร้อยละ 5.48 จากราคาสินค้าอาหารและเชื้อเพลิง จนทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น จนส่งผลให้การใช้จ่ายของประชาชน ชะลอตัว ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น  เทศกาลดีวาลีที่ยอดการขายสินค้าลดลง 

ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียยังคงมุ่งผลักดัน นโยบาย Atmanirbhar Bharat Abhiyan หรือ Self Reliant India อย่างต่อเนื่องเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและแก้ปัญหาการว่างงาน ซี่งความพยายามนี้ ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการที่รัฐบาลท้องถิ่นของหลายรัฐริเริ่มจัดนิทรรศการส่งเสริมการค้า/การลงทุนในรัฐของตนเอง เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงและสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมต่าง ๆ  อย่างไรก็ดี ทักษะแรงงานและความพร้อมด้านโลจิสติกส์ รวมถึงความซับซ้อนของกฎระเบียบของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นก็ยังคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนแม้หลาย ๆ รัฐจะพยายามปรับปรุงแล้วก็ตาม  

ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี 

Tags: #globthailand#globทันโลก#การพัฒนา#การลงทุน#ข่าวต่างประเทศ#ข่าววันนี้#นิวเดลี#ลงทุน#เศรษฐกิจต่างประเทศ#เศรษฐกิจอินเดีย20252568slideshow
Previous Post

AI Writer ตัวช่วยย่นเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพงานเขียน & หนังสือ 

Next Post

ฮ่องกงประกาศแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 2.0  

Globthailand

Globthailand

Next Post
ฮ่องกงประกาศแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 2.0  

ฮ่องกงประกาศแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 2.0  

Post Views: 1,279

NEW EVENT

Current Month

RECENTNEWS

กาตาร์เดินหน้าพัฒนาเกาะธรรมชาติ สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศยั่งยืน

กาตาร์เดินหน้าพัฒนาเกาะธรรมชาติ สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศยั่งยืน

04/06/2025
ฉางสุ่ยคุนหมิงทำสถิติ ผู้โดยสารต่างประเทศทะลุล้านเร็วสุดในรอบปี

ฉางสุ่ยคุนหมิงทำสถิติ ผู้โดยสารต่างประเทศทะลุล้านเร็วสุดในรอบปี

30/05/2025
KDB ได้รับอนุมัติเบื้องต้นเปิดสาขาในฮานอย ขยายการเงินเกาหลีใต้ในเวียดนาม

KDB ได้รับอนุมัติเบื้องต้นเปิดสาขาในฮานอย ขยายการเงินเกาหลีใต้ในเวียดนาม

30/05/2025
คว้าโอกาสธุรกิจสินค้า & บริการสัตว์เลี้ยงในสิงคโปร์

คว้าโอกาสธุรกิจสินค้า & บริการสัตว์เลี้ยงในสิงคโปร์

30/05/2025
แผนพัฒนาพลังงานของเวียดนาม

แผนพัฒนาพลังงานของเวียดนาม

30/05/2025
กว่างซีจ้วงเร่งเครื่องเศรษฐกิจสีน้ำเงิน โอกาสใหม่ของไทยในยุทธศาสตร์ทะเลจีน

กว่างซีจ้วงเร่งเครื่องเศรษฐกิจสีน้ำเงิน โอกาสใหม่ของไทยในยุทธศาสตร์ทะเลจีน

23/05/2025

FOLLOW US

ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพมหานคร 10400

OFFICE HOURS

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TEL : 02-203-5000 ต่อ 14239 – 14245
EMAIL : IN**@**********ND.COM

FOLLOW US

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

No Result
View All Result
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
X
X