โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก Vadhavan ดำเนินการโดย Vadhavan Port Project Limited (VPPL) ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนในลักษณะ Public Private Partnership (PPP) ระหว่าง Jawaharlal Nehru Port Authority (JNPA) (ร้อยละ 74) กับ Maharashtra Maritime Board (MMB) (ร้อยละ 26) โครงการนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยท่าเรือน้ำลึก Vadhavan ตั้งอยู่ที่ตำบล Dahanu เมือง Palgher อยู่ห่างจากเมืองมุมไบไปทางตอนเหนือราว 140 กิโลเมตร อยู่ห่างจาก Delhi-Mumbai National Highway (NH-8) 34 กิโลเมตร และห่างจาก Mumbai-Baroda Express Highway 22 กิโลเมตร ทำให้สะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างเขตอุตสาหกรรมในรัฐมหาราษฏระ รัฐคุชราต และพื้นที่ฝั่งตะวันตกของอินเดีย
ท่าเรือน้ำลึก Vadhavan เมื่อแล้วเสร็จจะประกอบด้วยท่าเรือขนถ่ายตู้สินค้า 9 ท่า (4 ท่าในระยะแรก) แต่ละท่ามีความยาว 1,000 เมตร สามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 24,000 TEUs ท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าทั่วไป ความยาว 250 เมตร จำนวน 4 ท่า ท่าเทียบเรือขนส่งเชื้อเพลิงเหลวและเคมีภัณฑ์ 4 ท่า ท่าเทียบเรือขนส่งรถยนต์ขนาดความยาว 250 เมตร จำนวน 1 ท่า และท่าเทียบเรือยามฝั่ง 1 ท่า อีกทั้งคาดว่าโครงการก่อสร้างท่าเรือระยะที่หนึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี ค.ศ.2035 จะทำให้ท่าเรือแห่งนี้ สามารถรองรับตู้สินค้าได้ 15,000,000 TEUs และเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2040 ท่าเรือแห่งนี้จะสามารถรองรับตู้สินค้าได้ถึง 23,200,000 TEUs ซึ่งจะทำให้ท่าเรือ Vadhavan เป็นท่าเรือที่มีขนาดใหญ่ 1 ใน 10 ของโลก ซึ่งล่าสุด Maharashtra Airport Development Company (MADC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลของรัฐมหาราษฏระจัดตั้งขึ้น เพื่อพัฒนาสนามบินต่าง ๆ ภายในรัฐมหาราษฏระ ได้ออกประกาศเชิญชวนบริษัทเอกชนให้เข้าแข่งขัน เพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสนามบินในพื้นที่ของโครงการท่าเรือน้ำลึก Vadhavan และคาดว่าจะสามารถคัดเลือกบริษัทที่เหมาะสมได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้เมือง Palghar กลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคม และขนส่งสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของรัฐมหาราษฏระ และภาคตะวันตกของอินเดีย
ปัจจุบันท่าเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญของภาคตะวันตกของอินเดียคือท่าเรือ Jawaharlal Nehru Port (JNP) ที่เมือง Navi Mumbai เป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย รองจากท่าเรือ Mundra รัฐคุชราต ท่าเรือทั้งสองแห่งนี้ถูกใช้ในการขนส่งสินค้ากว่าร้อยละ 65 ของสินค้าออกของอินเดียทั้งหมด และปัจจุบันใกล้ที่จะเต็มศักยภาพแล้ว โดยในส่วนของ JNP คาดว่าจะถูกใช้เต็มศักยภาพ (10,000,000 TEUs) ภายในปี ค.ศ. 2035 ท่าเรือแห่งนี้ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากภาคตะวันตกของอินเดียออกสู่ตลาดโลกแล้ว ท่าเรือ Vadhavan ยังจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าของอินเดียลงไปได้ โดยเฉพาะสินค้าที่ขนส่งด้วยเรือสินค้าขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถขนถ่ายที่ท่าเรือ Mundra หรือ JNP ได้ ซึ่งปัจจุบันจะต้อง Transshipment ที่ดูไบ สิงค์โปร์ หรือศรีลังกา คาดว่าท่าเรือแห่งนี้จะช่วยให้อินเดียสามารถลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าลงได้กว่าร้อยละ 25 และจะสร้างงานขึ้นในท้องถิ่นได้มากกว่า 1.2 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้โครงการท่าเรือ Vadhavan นี้ จะเป็นอีกหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลอินเดีย และรัฐบาลรัฐมหาราษฏระ ในการจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภค และการขนส่ง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 6.5 – 7 ต่อปี และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาด 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี ค.ศ. 2029 โดยมีรัฐทางภาคตะวันตกของอินเดีย ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ รัฐคุตราช เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นภายในอินเดียเองแล้ว ท่าเรือ Vadhavan แห่งนี้จะกลายเป็นท่าเรือต้นทางของโครงการ India-Middle East-Europe Economic Corridor และเมื่อพิจารณาว่าปัจจุบันรัฐบาลอินเดียกำลังเร่งยกระดับคุณภาพเครือข่ายถนน เส้นทางรถไฟ สนามบิน และท่าเรือ ภายในประเทศและการเข้าบริหารท่าเรือในต่างประเทศอีกหลายแห่ง จะทำให้โครงการ India-Middle East-Europe Economic Corridor เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความน่าสนใจในการขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียกับยุโรป นอกเหนือไปจากโครงการ Belt and Road Economic Corridor ที่มีจีนเป็นผู้ริเริ่ม
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ
เรียบเรียง: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์