ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคมปี 2565 มีผู้นำรถยนต์ไฟฟ้ามาจดทะเบียนกับทางการรัฐมหาราษฎระ จำนวน 46,108 คัน ซึ่งเฉพาะในเมืองมุมไบมีผู้นำรถยนต์ไฟฟ้ามาจดทะเบียนจำนวนกว่า 2,500 คัน หรือมีอัตราเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 400 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ร้อยละ 80 ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์
.
กล่าวได้ว่า การที่มีปริมาณผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นน่าจะเป็นผลมาจาก Mumbai Climate Action Plan (MCAP) ขององค์การบริหารเมืองมุมไบ (BMC) และ Electric Vehicle Policy 2021 ของรัฐมหาราษฎระ ที่มีเป้าหมายร่วมกันที่จะเร่งสร้างระบบนิเวศน์ภายในรัฐมหาราษฎระและเมืองมุมไบให้เหมาะสมกับการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดมลพิษ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การออกมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า การสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การปรับเปลี่ยนรถยนต์โดยสารสาธารณะของรัฐให้เป็นรถไฟฟ้า การยกร่างนโยบายการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (Battery Swapping) เป็นต้น
.
นาย Nitin Gadkari รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทางถนนและทางหลวง อินเดีย ได้กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรอินเดีย แสดงความเชื่อมั่นว่า ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงมาเท่ากับรถยนต์สันดาปภายใน ภายในเวลา 2 ปี ทั้งนี้ หลักการสำคัญของรัฐบาลอินเดียในการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ การทดแทนการนำเข้า การลดต้นทุนการผลิต การผลิตภายในประเทศ และการรักษาสิ่งแวดล้อม
.
การที่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนการจดทะเบียนรถใหม่สูง มีสาเหตุหลายประการ อาทิ ราคาของรถยนต์จักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่สูงมากนัก ทำให้มีฐานลูกค้าค่อนข้างกว้าง อีกทั้งการชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทำได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากแบตเตอรี่มีขนาดเล็ก จึงสามารถชาร์จได้ทั้งที่บ้านและสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ
.
ถึงอย่างไรก็ตาม อินเดียยังคงประสบปัญหาบางประการในการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ การที่อินเดียยังไม่มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่เป็นของตนเอง ทำให้ยังต้องต้องนำเข้าแบตเตอรี่จากต่างประเทศ แต่ล่าสุดปรากฏข่าวว่าบริษัท Exide Industries มีโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขึ้นในทางตอนใต้ของอินเดีย แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ออกมาเองได้อย่างเพียงพอ
.
โดยสรุป นโยบายการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (Battery Swapping) จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันให้รถยนต์โดยสารสาธารณะของเอกชนหันมาให้ความสนใจที่จะเปลี่ยนผ่านมาใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากไม่จำเป็นที่จะต้องรอชาร์จไฟฟ้าที่สถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ยังมีปริมาณที่จำกัดและใช้เวลาในการชาร์จนาน ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจจึงสามารถพิจารณาร่วมลงทุนและขยายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากบรัฐในอินเดียได้ต่อไปในอนาคต
.
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ
เรียบเรียง: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์