เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 The Heritage Foundation มูลนิธิฝ่ายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งเป็น Think Tank มุ่งเน้นนโยบายสาธารณะ ได้ปรับอันดับดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจฮ่องกงลงเป็นอันดับสองของโลก ด้วยคะแนน 89.1
จากเดิมที่เคยสามารถรักษาอันดับหนึ่งมาตลอด 25 ปี ตั้งแต่ปี 2538 และสิงคโปร์ขึ้นจากเดิมอันดับสองเป็นอันดับหนึ่งแทน ด้วยคะแนน 89.4 ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับ 42 ของโลกและอันดับ 11 ของเอเชีย ด้วยคะแนน 69.4 และจีนถูกลดอันดับจากเดิม 100 เป็น 103 ด้วยคะแนน 59.5
[su_spacer]
มูลนิธิฯ ได้ศึกษาวิจัยและจัดอันดับ 188 ประเทศหรือเขตเศรษฐกิจทั่วโลกใน 12 ด้าน ได้แก่ สิทธิในทรัพย์สิน ความซื่อสัตย์มีคุณธรรมในภาครัฐ ประสิทธิผลในการดําเนินคดี การใช้จ่ายภาครัฐ ภาระภาษี สภาวะทางการคลัง และเสรีภาพ ด้านธุรกิจและแรงงาน รวมทั้งนโยบายการเงิน การค้า การลงทุน และเสรีภาพการเงิน ทั้งนี้ คะแนนของสิงคโปร์คงที่เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนคะแนนของฮ่องกงได้ปรับลดลง 1.1 จุด โดยลดลงด้านภาระภาษี สภาวะทางการคลัง เสรีภาพด้านธุรกิจและแรงงาน รวมทั้งนโยบายการเงิน การค้าและการลงทุน อย่างไรก็ดี คะแนนในส่วนของทรัพย์สินทางปัญญาได้ปรับเพิ่มขึ้น
[su_spacer]
มูลนิธิฯ ให้เหตุผลต่อการลดระดับว่า (1) ความวุ่นวายทางการเมืองและสังคมที่ยืดเยื้อได้ลดความน่าเชื่อถือของฮ่องกงและลดปริมาณเงินลงทุนไหลเข้า (๒) ความเชื่อมโยงที่สูงขึ้นระหว่างฮ่องกงกับ สปจ. ด้านการค้า การเงิน การท่องเที่ยว ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อระดับเสรีภาพทางเศรษฐกิจฮ่องกงมากขึ้น และ (๓) แม้ว่าดัชนีการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่ในระดับต่ำแต่ประชาชนฮ่องกงมองว่า รัฐบาลหย่อนยานในการแก้ปัญหา
[su_spacer]
นอกจากนี้ การปรับอันดับของฮ่องกงโดยมูลนิธิฯ ซึ่งเป็นองค์กรของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณทางการเมืองต่อจีนอย่างเห็นได้ชัด โดยสะท้อนจากเหตุผลทั้งสามประเด็นข้างต้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐบาลฮ่องกงได้ชี้แจงทันที โดยโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า รัฐบาลฮ่องกงผิดหวังกับการจัดอันดับดังกล่าว รวมทั้งย้ำถึงพื้นฐานทางสถาบันที่เข้มแข็งของฮ่องกงและให้ข้อมูลว่าประเด็นกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่ใช่เป็นประเด็นทางการเมือง กอปรกับบูรณาการระหว่างจีนกับฮ่องกงจะไม่ลดระดับเสรีภาพของฮ่องกง แต่เป็นการสร้างโอกาสด้วย BRI และ GBA เพื่อพัฒนาฮ่องกง มาเก๊า รวมทั้งอีก 4 เมือง ในมณฑลกวางตุ้ง ให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยี และสามารถเป็นคู่แข่งกับ Silicon Valley ภายในปี 78 ทั้งนี้ นาย Edward Yau รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกงเชื่อว่า การลดระดับเป็นผลจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2562 รวมทั้งย้ำว่า ปัจจัยเกื้อหนุนฮ่องกงให้เป็นเศรษฐกิจที่เปิดและเสรียังคงอยู่ และมั่นใจว่าความท้าทายต่าง ๆ จะไม่กระทบต่อพื้นฐานนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลและภาคธุรกิจจะมุ่งรักษาสถานะระดับโลกของฮ่องกงต่อไป
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง