ด้วยโครงสร้างสังคมที่มีประชากรสูงวัยจำนวนมาก สิงคโปร์กำลังเผชิญกับปัญหาการฉ้อโกงทางการเงินที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มักตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ เพื่อรับมือกับปัญหานี้ รัฐบาลสิงคโปร์ได้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในสามด้านหลัก ได้แก่ การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย การใช้ระบบป้องกันการฉ้อโกงและยกระดับความปลอดภัยของแพลตฟอร์มการเงิน และการเพิ่มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังพิจารณาเพิ่มโทษผู้กระทำผิดด้าน scam และเจ้าของบัญชีม้าที่เกี่ยวข้อง
โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้ดำเนินโครงการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกัน scam ผ่านโครงการ ACT (Add, Check, Tell) ซึ่งส่งเสริมให้ประชาชนใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Money Lock (การกำหนดจำนวนเงินในบัญชีที่ไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ได้) และแอปพลิเคชัน ScamShield ที่นอกจากจะเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับกลลวงของมิจฉาชีพ และมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแล้ว ยังสามารถช่วยบล็อกโทรศัพท์และการส่งข้อความจากมิจฉาชีพได้ด้วย รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนตรวจสอบสัญญาณที่บ่งบอกถึงการหลอกลวงและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบพฤติกรรมต้องสงสัย นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุผ่านความร่วมมือกับภาคประชาสังคม อาทิ องค์กร Silver Generation Ambassadors
ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์เพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน scam เพิ่มเติม โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การกำหนด Cooling-off period ซึ่งจะไม่ให้มีผลในทันทีภายหลังการทำธุรกรรม สำหรับธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเพิ่มวงเงินโอน หรือการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการติดต่อ เพื่อป้องกันการดำเนินธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตและทยอยยกเลิกการใช้รหัส OTP ทาง SMS ในการเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชันของธนาคารของลูกค้าที่ลงทะเบียนใช้งาน Digital Token ซึ่งเป็นระบบการยืนยันตัวตนที่ให้ความปลอดภัยสูงกว่า พร้อมทั้งศึกษาแนวทางการยืนยันตัวตนที่มีความปลอดภัยมากขึ้นอีก เช่น การใช้อุปกรณ์ Fast IDentity Online (FIDO)-compliant hardware tokens เพื่อยืนยันตัวตนออนไลน์ตามมาตรฐาน FIDO ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อลดการพึ่งพารหัสผ่าน โดยผู้ทำธุรกรรมจะต้องอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ที่จะใช้ธุรกรรมนั้น ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ปัญหา scam เป็นความท้าทายระดับภูมิภาค ที่ผ่านมา ไทยและสิงคโปร์ได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของไทย (บก.ปอท.) และหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของสิงคโปร์ (Technology Crime Investigation Branch) ความร่วมมือระหว่างไทยกับสิงคโปร์ในด้านการบังคับใช้กฎหมายและการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคโนโลยี ถือเป็นก้าวสำคัญในการรับมือกับอาชญากรรมทางการเงินที่ทวีความซับซ้อนขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างระบบการเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือให้กับประชาชนในภูมิภาคต่อไป