Meta Platforms Inc. หรือบริษัท Meta บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 3 รายใหญ่ ได้แก่ Facebook Instagram และ WhatsApp ทุ่มงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.5 แสนล้านบาท) เพื่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำที่มีความยาว 40,000 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมทั่วโลกและเป็นสายเคเบิลแรกของ Meta ที่มีผู้ใช้งานเพียงแค่บริษัทเดียว
โดย Sunil Tagare ผู้เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลใต้น้ำคาดการณ์ว่าโครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำของ Meta จะเริ่มต้นด้วยงบประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) และอาจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท) อีกทั้งแหล่งข่าวใกล้ชิดกับ Meta ยืนยันกับ TechCrunch ว่าโครงานการนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยคาดว่า Meta จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในต้นปี 2025 ซึ่งรวมถึงเส้นทาง ความจุ และเหตุผลเบื้องหลังการสร้างสายเคเบิล
ทั้งนี้ อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าสายเคเบิลจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากบริษัทที่มีความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น SubCom มีลูกค้ารายใหญ่อยู่แล้ว คือ Google อีกทั้ง Ranulf Scarbrough นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมสายเคเบิลใต้น้ำได้ให้ข้อมูลว่า มีเรือวางสายเคเบิลไม่เพียงพอ เรือเหล่านั้นมีราคาแพงและถูกจองล่วงหน้าเป็นเวลาหลายปี การหาทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อดำเนินการในเร็วๆ นี้จึงเป็นเรื่องท้าทาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสร้างสายเคเบิลนี้เสร็จสมบูรณ์จะช่วยให้ Meta มีช่องทางเฉพาะสำหรับรับ-ส่งข้อมูลทั่วโลก โดยเส้นทางที่วางแผนไว้ในปัจจุบันจะครอบคลุมตั้งแต่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาไปยังอินเดียผ่านแอฟริกาใต้และจากอินเดียไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ผ่านออสเตรเลีย ซึ่งเหตุผลที่ Meta ต้องการมีสายเคเบิลเป็นของตัวเองนั้นมีหลายประการ เช่น การเป็นเจ้าของเส้นทางและสายเคเบิลจะทำให้ Meta ควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลบนแพลตฟอร์มของตนเองได้ อีกทั้งยังต้องการที่จะยกระดับคุณภาพการบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดนอกอเมริกาเหนือ ซึ่งสร้างรายได้มากกว่าตลาดในประเทศ
นอกจากนี้ การลงทุนในสายเคเบิลใต้น้ำของ Meta สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในการลงทุนและความเป็นเจ้าของเครือข่ายใต้น้ำ จากเดิมที่เป็นกลุ่มบริษัทโทรคมนาคมเป็นบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นเจ้าของร่วมในเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำ 16 เครือข่าย รวมถึงสายเคเบิล 2Africa ที่ล้อมรอบทวีปแอฟริกา อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า Meta อาจใช้สายเคเบิลใต้น้ำนี้เพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI ในอินเดีย ซึ่งมีต้นทุนแบนด์วิดท์ต่ำกว่าสหรัฐฯ โดย Tagare เชื่อว่า อินเดียอาจกลายเป็นเมืองหลวงด้านการฝึกอบรม AI ของโลก และอาจะต้องการสร้างศูนย์ฝึกอบรม AI ในประเทศอินเดียเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับ Meta โดยมีผู้ใช้งาน Facebook Instagram และ WhatsApp มากที่สุดในโลก รวมทั้งชาวอินเดียมีความสนใจในฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวใกล้ชิดโครงการนี้ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า AI เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของ Meta ในโครงการนี้
ที่มา :