เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 ศาลปกครองเมืองโคโลญได้มีคำสั่ งห้ามใช้รถดีเซลทั้งรถยนต์นั่ งส่วนบุ คคลและรถโดยสารสาธารณะในเมื องโคโลญและเมืองบอนน์ เนื่องจากเห็นว่าแผนงาน Clean Air เมื่อมิถุนายน ค.ศ. 2012 และร่างการปรับปรุงแผนงานเมื่อ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ไม่เพียงพอที่จะลดระดับการปล่ อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ทั้ง 2 เมืองให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 40 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามที่ EU กำหนด โดยคำสั่งศาลฯ ดังกล่าวเป็นผลจากการที่องค์กร Deutsche Umwelthilfe (DUH) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้ อมของสหพันธ์ฯ ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในเมื องที่มีการปล่อยก๊ าซไนโตรเจนออกไซด์เกินกว่าค่ ามาตรฐานความปลอดภัยประมาณ 30 เมืองทั่วสหพันธ์ฯ และเป็นคำสั่งศาลล่าสุดต่ อจากศาลนครฮัมบูร์ก นครชตุทท์การ์ท นครแฟรงก์เฟิร์ต กรุงเบอร์ลิน และเมืองไมนช์ [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ ศาลฯ ได้กำหนดห้ามเดินรถดี เซลในโซนควบคุมสิ่งแวดล้อมทั้ งหมดในเมืองโคโลญ โดยรถดีเซลที่มีมาตรฐานการปล่ อยไอเสีย (European Emission Standard) ระดับ Euro 1-4 จะถูกห้ามใช้งานในเขตที่ กำหนดภายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 ในขณะที่รถดีเซลที่มี มาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ Euro 5 จะถูกห้ามใช้งานในเขตที่ กำหนดภายในเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 ในขณะที่เมืองบอนน์ ศาลฯ กำหนดห้ามเดินรถดีเซลในเขตที่มี การจราจรหนาแน่น ได้แก่ (1) Belderberg Straße สำหรับรถดีเซลที่มี มาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ Euro 1-4 และรถเบนซินระดับ Euro 1-3 และ (2) Reuterstraße สำหรับรถดีเซลที่มี มาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ Euro 5 และรถเบนซินระดับ Euro 1-2 ภายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 [su_spacer size=”20″]
อย่างไรก็ตาม นางสาว Ursula Heinen-Esser รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้ อมรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน ประกาศว่า จะยื่นอุทธรณ์ในกรณีนี้ต่อศาลฯ เนื่องจากคำพิพากษาดังกล่าวส่ งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการขนส่ งสาธารณะของเมืองโคโลญ รวมทั้งส่งผลกระทบอย่างมากต่ อประชาชนและผู้เดินทางในฐานะที่ เมืองโคโลญเป็นศูนย์กลางทางธุ รกิจแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ นาย Ashok Sridharan นายกเทศมนตรีเมืองบอนน์ กล่าวว่า การห้ามเดินรถดีเซลส่ งผลกระทบอย่างมากต่อทั้ งประชาชนและภาคธุรกิจ และขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะดำเนิ นการบังคับใช้มาตรการนี้อย่างไร โดยจะหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งได้วิพากษ์วิจารณ์ การดำเนินการแก้ไขปัญหาการปล่ อยไอเสียของรถยนต์ดีเซลของผู้ ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ ล่าช้า และนาง Henriette Reker นายกเทศมนตรีเมืองโคโลญได้ให้ ความเห็นว่า ปัญหาด้านมลภาวะในอากาศไม่ได้ เกิดจากการจราจรทางบกเพียงอย่ างเดียว แต่ยังเกิดจากการขนส่งทางน้ำ และอุตสาหกรรมรอบเมืองด้วย อย่างไรก็ดีเมื องโคโลญจะพยายามดำเนินการปรั บปรุงด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป [su_spacer size=”20″]
ทั้งนี้ มีรายงานว่านาย Andreas Scheuer รัฐมนตรีว่าการกระทรวงขนส่งสหพั นธ์ฯ ประกาศว่า รัฐบาลประสบความสำเร็ จในการเจรจากับกลุ่มผู้ ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้แก่ Daimler และ Volkswagen ในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรั บการติดตั้ง software ใหม่ให้กับรถดีเซลที่มี มาตรฐานการปล่อยไอเสียต่ำกว่ าระดับ Euro 6 ภายในวงเงิน 3,000 ยูโรต่อคัน อย่างไรก็ดี BMW ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมแผนการแก้ ปัญหาดังกล่าวของรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่าการติดตั้ง software เพิ่มเติมไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ ถูกต้อง จึงไม่ควรลงทุนกับสิ่งที่ผ่ านไปแล้ว แต่บริษัทฯ เห็นควรที่จะลงทุนกับโครงสร้ างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้า (e-mobility) มากกว่า และรัฐบาลควรจะสนับสนุนให้ ประชาชนซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ที่ ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่สู งขึ้น นอกจากนี้ยังให้ความเห็นว่ าแผนงานดำเนินการของรัฐบาลต่อผู้ ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ ผลิตรถดีเซลทุกรายที่เหมือนกั นอาจส่งผลกระทบต่อการจ้ างงานของกลุ่มผู้ประกอบการที่ ผลิตรถดีเซลสะอาดได้ [su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต