เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 สํานักข่าว Deutsche Welle (DW) รายงานบนเว็บไซต์ว่า บริษัท Wirecard ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการชําระค่าบริการได้กลายเป็นผู้ให้บริการทางการเงินของเยอรมนีที่มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์มากที่สุดแซงหน้า Deutsche Bank โดยหุ้นของบริษัท Wirecard ซึ่งทําการซื้อขายใน Tec-Dax index มีมูลค่ามากกว่า 21,000 ล้านยูโร ในขณะที่หุ้นของ Deutsche Bank มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านยูโร ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 150 จาก 68 ยูโร เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 เป็น 170 ยูโร ในปัจจุบัน โดยปัจจุบันบริษัท Wirecard มีมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ในสาขาการเงินของยอรมนีสูงเป็นลําดับที่ 4 รองจาก (1) Allianz (2) Munich Re และ (3) Deutsche Berse โดยสาเหตุหนึ่งที่ทําให้บริษัท Wirecard มีมูลค่าสูงขึ้นเป็นผลมาจากความร่วมมือกับบริษัท Gebr. Heinemann (บริษัทจําหน่ายสินค้าปลอดภาษี สินค้าขายส่ง และขายปลีก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองฮัมบวร์ก) [su_spacer size=”20″]
บริษัท Wirecard มีรายได้จากการให้บริการรับชําระเงินผ่านบัตรเครดิตของร้านค้าออนไลน์ด้วยการ รับประกันการชําระเงินและรับความเสี่ยง รวมทั้งการออกบัตรเครดิตและการอํานวยความสะดวกในการชําระค่าบริการสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน รวมทั้งมีความร่วมมือกับ Alipay และ WeChat จากจีน อีกด้วย [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ในเดือนกันยายน 2561 หุ้นของบริษัท Wirecard จะถูกนําไปซื้อขายใน DAX index ซึ่งเป็นดัชนีซื้อขายหลักทรัพย์สําหรับหุ้นของบริษัทชั้นดี (blue chips) จํานวน 30 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์ แทนที่ หุ้นของ Commerz Bank ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นลําดับที่ 2 ของเยอรมนี รองจาก Deutsche Bank [su_spacer size=”20″]
การที่บริษัทที่ทําธุรกรรม fintech สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจนกลายเป็นผู้ให้บริการทางการเงินอันดับ หนึ่งในตลาดหลักทรัพย์สหพันธ์ฯ ภายในระยะเวลาไม่นาน แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจการเงินของสหพันธ์ฯ อย่างเป็นพลวัต ส่งผลให้ภาคการธนาคารของสหพันธ์ฯ จําเป็นต้องทําการปฏิรูปหลายด้าน อาทิ ด้านการให้บริการลูกคา โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้า start-up และการปรับใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น เพื่อปรับตัว ก้าวทันกับโลกยุคใหม่ทางการเงิน [su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงเฟิร์ต