Friday, May 30, 2025
  • Login
  • Register
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
Glob Thailand
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Home ทันโลก

การแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นระหว่างไทยกับเยอรมนี สู่โอกาสด้าน‘พลังงานไฮโดรเจน’

26/10/2021
in ทันโลก, ยุโรป
0
การแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นระหว่างไทยกับเยอรมนี สู่โอกาสด้าน‘พลังงานไฮโดรเจน’
1
SHARES
271
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

เยอรมนี ถือเป็นผู้นำทางด้านพลังงานไฮโดรเจน โดยมีแผนยุทธศาสตร์ไฮโดรเจนแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 2020 ซึ่งไฮโดรเจนถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะนําเยอรมนีบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี ค.ศ. 2045 ซึ่งสอดคล้องกับไทยที่มีนโยบายส่งเสริมพลังงานทางเลือกภายใต้แผนพลังงานแห่งชาติ และ Bio-Circular-Green Model (BCG) โดยประเทศไทยมีโครงการเกี่ยวกับไฮโดรเจน 2 โครงการ ได้แก่ (1) การผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เขื่อนลำตะคอง โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ (2) โครงการบ้านผีเสื้อ จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริษัท Enapter GmbH ของเยอรมนีที่ได้สร้างแหล่งเรียนรู้ อาคารที่อยู่อาศัย ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจนในปี 2564 นี้ บ้านผีเสื้อเป็น 1 ใน 32 โครงการทั่วโลกที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมาธิการยุโรปให้เป็นโครงการนำร่องไฮโดรเจน โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเป็นครั้งแรกในเรื่องไฮโดรเจนระหว่างทั้งสองประเทศในครั้งนี้จะจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และนําไปสู่ความร่วมมือด้านพลังงานต่อไป

.

ผู้อำนวยการกระทรวงพลังงานของไทยกล่าวถึง แผนพลังงานแห่งชาติของไทย มุ่งเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนถึง 34.23 % ภายใน ค.ศ. 2037 และตั้งเป้าหมายสู่การเป็นสังคม Net Zero Emission ในช่วงปี ค.ศ. 2065 – 2070 โดยพลังงานไฮโดรเจนและ Fuel Cell จะตอบโจทย์แผนการพัฒนาด้านพลังงานของไทย ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้ว่าจ้างให้สถาบันวิจัยศึกษาศักยภาพของไฮโดรเจนในประเทศไทย โดยมี 4 บริษัทในไทยที่ผลิตและใช้ไฮโดรเจนในอุตสาหกรรม ได้แก่ (1) Bangkok Industrial Gas Co., Ltd. (BIG) (2) Air Liquide Thailand Co., Ltd. (3) Linde (Thailand) PLC. และ (4) Air Product Industrial Co., Ltd. โดยกระทรวงพลังงานเห็นว่า ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากไฮโดรเจนได้ใน 3 สาขา ได้แก่ (1) ภาคไฟฟ้า (2) ภาคอุตสาหกรรม และ (3) ภาคการขนส่ง อย่างไรก็ตามการศึกษาพบว่าการใช้พลังงานไฮโดรเจนในไทยยังมีราคาสูงในทั้ง 3 สาขา โดยไทยยังจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมการพัฒนาและวิจัยพลังงานไฮโดรเจน อีกทั้งพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับพลังงานไฮโดรเจนต่อไป

.

ด้านกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอภิปรายถึง ช่วงปีที่ผ่านมาเยอรมนีมุ่งพัฒนาและวิจัยการแปลงพลังงานทดแทนให้อยู่ในรูปที่สามารถขนส่งและซื้อขายได้ในระดับที่ใหญ่ขึ้น ถือเป็นตัวการสำคัญสำหรับการมุ่งสู่การเป็นสังคม Net Zero Emission โดยมีปัจจัย 3 ประการที่สำคัญ ได้แก่ (1) ความมุ่งมั่นและการผลักดันจากรัฐบาล (2) การพัฒนาเทคโนโลยี และ (3) การสนับสนุนจากภาคเอกชน และการที่รัฐบาลเยอรมนีให้ความสำคัญในเรื่องนี้และได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ไฮโดรเจน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างตลาดสำหรับพลังงานไฮโดรเจน โดยมุ่งเน้นไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตจากพลังงานทดแทน และส่งเสริมการวิจัยเพื่อการกักเก็บและขนส่งไฮโดรเจน พร้อมพัฒนาความร่วมมือทางตลาดกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เยอรมนีมีข้อจํากัดด้านการผลิตพลังงานสีเขียวเนื่องจากเยอรมนีไม่ใช่ประเทศขนาดใหญ่มากพอที่จะผลิตไฮโดรเจนสีเขียวให้เพียงพอกับความต้องการใช้พลังงานชนิดนี้แทนพลังงานแบบดั้งเดิม

.

ปัจจุบันเยอรมนีมีทุนสนับสนุนด้านไฮโดรเจนกว่า 9 ล้านยูโรจากแผนฟื้นฟูประเทศจากวิกฤติ COVID-19 (German Recovery Plan)  โดยแบ่งเป็น 2 ล้านยูโรเพื่อความร่วมมือกับต่างประเทศโดยเฉพาะ ทั้งนี้เยอรมนีให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับต่างประเทศ เนื่องจากต้องการซื้อไฮโดรเจนสีเขียวเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ โดยมีโครงการ H2 Global เป็นเครื่องมือหลักของรัฐบาลเยอรมนีที่จะสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยการให้บริษัทที่ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวจากต่างประเทศเข้าร่วมการประมูล เพื่อจําหน่ายไฮโดรเจนสีเขียวให้แก่เยอรมนีเป็นเวลา 10 ปี โดยคาดว่ารัฐบาลจะสามารถออกสัญญาฉบับแรกได้ภายในปีหน้าและเริ่มการขนส่งไฮโดรเจนสีเขียวจากต่างประเทศมาเยอรมนีเป็นครั้งแรกได้ในปี ค.ศ. 2024

.

ทางศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติไทยกล่าวว่า ไทยมีงานวิจัยด้านไฮโดรเจนและ Fuel Cell ที่มีมานานกว่าสองทศวรรษแล้ว โดยตีพิมพ์งานวิจัยแล้วกว่า 700 ชิ้น และผลงานที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญากว่า 30 ชิ้น โดยงานวิจัยการผลิตไฮโดรเจนและ Fuel Cell ในไทยจะเน้นการผลิตไฮโดรเจนจากหลายแหล่ง โดยเฉพาะจาก Ethanol และ Biogas ที่หาได้ง่ายในประเทศไทย ทั้งนี้ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติมีความร่วมมือด้านการวิจัยการผลิตไฮโดรเจนส่วนใหญ่กับจุฬาลงกรณ์ฯ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยมีผลงานวิจัยที่โดดเด่น เช่น การใช้พลังงานไฮโดรเจนกับรถยนต์ การส่งรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนเข้าร่วมแข่งขันในงาน Asia Shell Eco Marathon ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 และทีมของประเทศไทยเคยได้รับรางวัลในลำดับที่ 3 โดยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติมีความสนใจร่วมมือกับเยอรมนีในการพัฒนาการผลิตไฮโดรเจนในระดับที่ใหญ่ขึ้นเพื่อการพาณิชย์ ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีการผลิตในห้องทดลองเท่านั้นและยังไม่มีโครงการนําร่อง

.

TU Dresden ของเยอรมนีเริ่มมีการวิจัยด้านไฮโดรเจนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 มีการเปิดสถานีพลังงานไฮโดรเจนครั้งแรกในยุโรปที่นครมิวนิกและนครฮัมบูร์กในปี ค.ศ. 1999 มีการจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเพื่อการวิจัยไฮโดรเจนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 – 2016 รวมจำนวนกว่า 700 พันล้านยูโร โดยหลังจากการประกาศแผนยุทธศาสตร์ไฮโดรเจนแห่งชาติเมื่อปีที่แล้ว โครงการและงานวิจัยไฮโดรเจนในเยอรมนีได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ TU Dresden มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศจำนวนมาก โดยสำหรับไทยมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยบูรพา มหิดล จุฬาฯ และธรรมศาสตร์ สำหรับงานวิจัยด้านไฮโดรเจนใน TU Dresden มีทั้งงานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ เช่น การพัฒนาเครื่องผลิตไฮโดรเจน วัสดุกักเก็บไฮโดรเจน และงานวิจัยด้านความปลอดภัย เป็นต้น โดยมีความร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น Sunfire, Siemens, BMW, Rolls Royce ฯลฯ  นอกจากนี้การรวมตัวของสถาบันต่าง ๆ ในรัฐ Saxony เพื่อบูรณาการงานวิจัยและพัฒนาไฮโดรเจนและประสงค์ที่จะขยายความร่วมมือกับต่างประเทศในระดับรัฐ และในปี 2565 TU Dresden มีโครงการที่จะเปิดรับนักศึกษาปริญญาโทด้านไฮโดรเจนด้วย

.

ทางด้านบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนกลุ่มพลังงานไฮโดรเจนของไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2562 และได้รวบรวมหน่วยงานจากทุกภาคส่วนในไทยเพื่อผลักดันการพัฒนาและใช้พลังงานไฮโดรเจน มุ่งสู่การเป็นสังคม Decarbonized Circular Economy ปัจจุบันมีสมาชิกจากกว่า 11 หน่วยงาน เช่น กระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัทปตท. บริษัทโตโยต้า บริษัทบ้านปู บริษัทมิตซูบิชิ ฯลฯ โดยเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563 ได้มีการจัดงาน The 1st Hydrogen Thailand Symposium และหวังว่าหน่วยงานจากเยอรมนีจะสนใจเข้าร่วมการหารือในปีต่อ ๆ ไปด้วย ทั้งนี้สำหรับไทยมีการหารือด้านการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนจากภาครัฐเป็นครั้งแรกในการประชุมระหว่างกระทรวงพลังงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปี 2560 ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวด้านการเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจน โดยภายในเดือนเมษายน ปี 2565

.

บริษัทปตท. บริษัทโตโยต้า และ Bangkok Industrial Gas Co., Ltd. จะร่วมกันจัดตั้ง Hydrogen Refueling Station & FCEV Demonstration Project แห่งแรกในไทย ซึ่งจะเปิดให้รถบัสและรถบรรทุกเข้าร่วมโครงการ ถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้ด้านพลังงานชนิดนี้ในไทยรวมทั้งเป็นการประเมินความต้องการการใช้ไฮโดรเจนในภาคการขนส่งของไทยด้วย นอกจากนี้ บริษัทปตท. ยังมีโครงการนําร่องการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งแปลงเป็นไฮโดรเจนและกักเก็บไว้ใช้เป็นไฟฟ้าบนท้องถนนในจังหวัดปราจีนบุรี ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีด้านไฮโดรเจนในไทยได้แก่ (1) นโยบายของรัฐบาล และ (2) ความต้องการที่จะพัฒนาด้านการกักเก็บพลังงานทดแทนของไทย

.

และบริษัท Sunfire GmbH กล่าวถึง การมุ่งสู่การลดใช้ Fossil Fuels จะต้องพึ่งพาพลังงานทดแทน โดยการใช้พลังงานทดแทนเพื่อผลิตไฟฟ้าโดยตรงในปัจจุบันจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถกักเก็บหรือขนย้ายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทนไว้ใช้ในภายหลังได้ ดังนั้น ต้องมีการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนที่สามารถกักเก็บเซลล์พลังงานที่ผลิตได้เพื่อขนส่งและนําไปใช้ในภายหลัง ซึ่งการสร้างความตระหนักรู้ด้านพลังงานไฮโดรเจนเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างและพัฒนาตลาดไฮโดรเจน โดยบริษัท Sunfire ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2010 ที่เมืองเดรสเดน และมีสำนักงานในสวิตเซอร์แลนด์ มีนักพัฒนาเครื่อง electrolyzer ในบริษัทมากกว่า 250 คน โดยบริษัทมีการพัฒนาและจําหน่ายเครื่อง electrolyzer 2 ประเภท ได้แก่ Pressure Alkaline (AEL) และ Solid Oxide (SOEC) ทั้งนี้บริษัทได้รับทุนเพื่อการพัฒนาและวิจัยไฮโดรเจนรวมกว่า 100 ล้านยูโร เพื่อพัฒนาเครื่อง electrolyzer ที่มีศักยภาพสูง ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินโครงการพลังงานไฮโดรเจนกว่า 70 โครงการแล้ว โดยมีการติดตั้งเครื่อง electrolyzer ใน 24 ประเทศ เช่น ปิโตรนาสของมาเลเซีย NORSK E-FUE ของนอร์เวย์ และ Demo4Grid ของออสเตรีย ฯลฯ

.

จากการที่เยอรมนีเป็นผู้นำด้านพลังงานไฮโดรเจนและมีแผนยุทธศาสตร์ไฮโดรเจนแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นการสร้างตลาดสำหรับพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตจากพลังงานทดแทน อีกทั้งส่งเสริมการวิจัยเพื่อการกักเก็บและขนส่งไฮโดรเจนควบคู่กับการพัฒนาความร่วมมือทางตลาดพลังงานไฮโดรเจนกับต่างประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมด้านพลังงานไฮโดรเจนนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยสร้างความมั่นใจและบรรยากาศในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเป็นการสร้างความร่วมมือด้านพลังงานไฮโดรเจนทั้งในด้านการวิจัยและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการประกอบธุรกิจด้านพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งสอดคล้องกับการที่ประเทศไทยมีงานวิจัยและผลงานที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่สอดรับกับพลังงานไฮโดรเจน อีกทั้งประเทศไทยมีบริษัทที่ผลิตและใช้ไฮโดรเจนในอุตสาหกรรม ซึ่งไทยสามารถใช้ประโยชน์จากไฮโดรเจนได้ในภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และภาคการขนส่ง ดังนั้น นักลงทุนและภาคเอกชนไทยควรพิจารณาโอกาสในการทำธุรกิจในด้านพลังงานไฮโดรเจนกับเยอรมนี ถือเป็นอุตสาหกรรมพลังงานที่ทั้งไทยและเยอรมนีมีศักยภาพร่วมกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการลงทุนและผลักดันเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตไปด้วยกัน

.

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน

Previous Post

สิงคโปร์กับการส่งเสริมพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Next Post

แผนการดำเนินโครงการพัฒนาชายฝั่งเมืองการาจี ภายใต้กรอบการดำเนินงานโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน

Tanakorn

Tanakorn

Glob Thailand Administrator

Next Post
แผนการดำเนินโครงการพัฒนาชายฝั่งเมืองการาจี ภายใต้กรอบการดำเนินงานโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน

แผนการดำเนินโครงการพัฒนาชายฝั่งเมืองการาจี ภายใต้กรอบการดำเนินงานโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน

Post Views: 1,052

NEW EVENT

Current Month

RECENTNEWS

กว่างซีจ้วงเร่งเครื่องเศรษฐกิจสีน้ำเงิน โอกาสใหม่ของไทยในยุทธศาสตร์ทะเลจีน

กว่างซีจ้วงเร่งเครื่องเศรษฐกิจสีน้ำเงิน โอกาสใหม่ของไทยในยุทธศาสตร์ทะเลจีน

23/05/2025
เขต YRD ทะยานสู่ผู้นำโลกหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ และโอกาสความร่วมมือกับไทย ตอนที่ 3

เขต YRD ทะยานสู่ผู้นำโลกหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ และโอกาสความร่วมมือกับไทย ตอนที่ 3

22/05/2025
เจาะตัวเลขการค้าหูหนาน ไตรมาสแรก 2568

เจาะตัวเลขการค้าหูหนาน ไตรมาสแรก 2568

22/05/2025
ทิศทางความเคลื่อนไหวด้านพลังงานนิวเคลียร์ของไต้หวัน

ทิศทางความเคลื่อนไหวด้านพลังงานนิวเคลียร์ของไต้หวัน

22/05/2025
“โปรตีนทางเลือก” โอกาสสำหรับธุรกิจอาหารเพื่อความยั่งยืนในสิงคโปร์

“โปรตีนทางเลือก” โอกาสสำหรับธุรกิจอาหารเพื่อความยั่งยืนในสิงคโปร์

22/05/2025
สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาเดิน-เวือรืทเทิมแบร์ค

สรุปข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาเดิน-เวือรืทเทิมแบร์ค

22/05/2025

FOLLOW US

ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพมหานคร 10400

OFFICE HOURS

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TEL : 02-203-5000 ต่อ 14239 – 14245
EMAIL : IN**@**********ND.COM

FOLLOW US

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

No Result
View All Result
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
X
X