ในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาพลังงานทางเลือกละรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากกระทรวงเศรษฐกิจและปฏิบัติการทางสภาพภูมิอากาศสหพันธ์ฯ (Federal Ministry for Economic Affairs and Climate Action) ในเยอรมนีที่น่าสนใจ ดังนี้
.
นโยบายด้านพลังงาน
.
กระทรวงเศรษฐกิจฯ ได้อนุมัติงบประมาณกว่า 900 ล้านยูโร สําหรับโครงการ ‘H2Global’ เพื่อส่งเสริมพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ H2Global ซึ่งดําเนินการในรูปแบบ “Double Auction Model” กล่าวคือ บริษัท Hint.Co ซึ่งเป็นบริษัทลูกของมูลนิธิ H2Global จะจัดซื้อพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวจากประเทศนอก EU โดยระยะทําสัญญาซื้อเป็นเวลา 10 ปี และนำมาประมูลขายให้แก่บริษัทใน EU ทั้งนี้ EU ยังได้อนุมัติเงินสนับสนุนโครงการ H2Global ของเยอรมนี แล้ว เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 และคาดว่าจะมีการทําสัญญาซื้อขายและจัดส่งพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวในปี 2565 และ ปี 2567 ตามลําดับ
.
ด้านพลังงานลม กระทรวงเศรษฐกิจฯ ได้วางแผนขยายฟาร์มกังหันลมในรัฐต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลเยอรมนีได้เพิ่มความพยายามร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพลังงานลม เช่น ระยะห่างในการติดตั้งกังหันลม และขั้นตอนการขออนุญาตติดตั้งกังหันลม ซึ่งข้อบังคับเหล่านี้ค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการขยายฟาร์มกังหันลม ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของฟาร์มกังหันลมในสหพันธ์ฯ ต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ โดยจะหารือและตรวจสอบกฎระเบียบด้านการควบคุมการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Control) รวมถึงปรับกฎหมายและเพิ่มเจ้าหน้าผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการตรวจสอบพื้นที่ก่อนออกใบอนุญาตสําหรับฟาร์มกังหันลมและเร่งขบวนการอนุมัติให้มีความรวดเร็วขึ้นด้วย
.
ในด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กระทรวงเศรษฐกิจฯ ได้วางแผนดึงดูดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมผลิตแผงวงจรรวม (Chip) ใน EU โดยให้งบประมาณสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ด้านการผลิตแผงวงจรรวม เพื่อลดการพึ่งพาการนําเข้าแผงวงจรรวมจากเอเชีย โดยได้คัดเลือกโครงการการลงทุน 32 โครงการของบริษัทต่าง ๆ ในสาขาไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีมูลค่าการลงทุนจํานวน 1 หมื่นล้านยูโรขึ้นไป เพื่อเข้ารับทุนสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งนี้ โครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการยุโรปต่อไป ซึ่งรัฐบาลเยอรมนี อยู่ระหว่างการเตรียมการหารือกับคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อผลักดันให้ EU ปรับกระบวนการอนุมัติให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น อนึ่ง การให้เงินสนับสนุนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมการผลิตแผงวงจรรวม เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Important Project of Common European Interest (PCEI) ของ EU ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีชุดที่แล้วได้อนุมัติเงินสนับสนุนประมาณ 1 พันล้านยูโรให้แก่โครงการผลิตแผงวงจรรวมที่ได้รับการอนุมัติจาก EU แล้ว เช่น โครงการบริษัท Bosch AG บริษัท GlobalFoundries Inc. และบริษัท Infineon Technologies AG
.
นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจฯ ยังได้ขยายเวลาการให้เงินอุดหนุน (Innovationspramie) แก่ผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ รถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรีล้วน (Battery Electric Vehicle : BEV) และยานยนต์ไฟฟ้า (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHV) ไปจนถึงสิ้นปี 2565 โดยยานยนต์ไฟฟ้า BEV จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดไม่เกิน 9,000 ยูโร/คัน และยานยนต์ PHV ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดไม่เกิน 6,750 ยูโร/คัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป รัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้เงินสนับสนุนการซื้อยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความสอดคล้องกับนโยบายสภาพภูมิอากาศมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการรับประกันว่าการให้เงินสนับสนุนจะเป็นผลดีต่อสภาพภูมิอากาศอย่างแท้จริง เช่น การกําหนดระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าขั้นต่ำของยานยนต์ไฟฟ้า PHV
.
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน
.
อ้างอิง : https://www.fuelcell.co.th/home/article?article_id=150