เกาะติดสภาวะทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนี

การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจเยอรมัน 

.

นอกจากปัญหาการขาดแคลนแผงวงจรรวมที่เยอรมนีกำลังประสบแล้ว ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนียังประสบปัญหาการขาดแคลนอะลูมิเนียมด้วย โดยการผลิตอะลูมิเนียมจะต้องใช้แมกนีเซียมจํานวนมากเป็นส่วนประกอบด้วย และตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นมา ราคาแมกนีเซียมสูงขึ้นกว่าร้อยละ 260 นอกจากนี้ การผลิตอะลูมิเนียมต้องใช้พลังงานจํานวนมาก ทําให้จีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่ของโลกต้องควบคุมปริมาณการผลิตอะลูมิเนียมให้สอดคล้องกับนโยบายการปกป้องสภาพอากาศ เนื่องจากจีนผลิตอะลูมิเนียมโดยใช้พลังงานถ่านหิน โดยปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นมีผลให้การผลิตอะลูมิเนียมทั่วโลกลดลง นอกจากนี้ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 1 คันในเยอรมนีต้องใช้อะลูมิเนียมถึง 600 กิโลกรัม เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าต้องแบกรับน้ําหนักของแบตเตอรี่ จึงจําเป็นต้องใช้อะลูมิเนียมซึ่งมีน้ําหนักเบาทดแทนเหล็กแปรรูปในการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ของยานยนต์ ทําให้เยอรมนีไม่มีอะลูมิเนียมเพียงพอต่อการผลิตของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุดิบการผลิต ได้ออกมาวิจารณ์ว่า ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มุ่งแก้แต่ปัญหาการขาดแคลนแผงวงจรรวม และละเลยการจัดหาอะลูมิเนียมสํารองไว้ พร้อมแนะนําภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า ควรมีการจัดหาวัตถุดิบที่สําคัญต่อการผลิตจากหลายประเทศและไม่ควรพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนเป็นหลัก

.

นอกจากนี้ สำนักงานการขนส่งแห่งเยอรมนี (Kraftfahrtbundesamt) รายงานว่า ยานยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) มีแนวโน้มได้รับการจดทะเบียนในเยอรมนีเพิ่มมากขึ้นจากเดือนกันยายน 2564 ที่จดทะเบียนอยู่ที่ร้อยละ 11.6 ของยานยนต์ที่ได้รับการจดทะเบียนทั้งหมด เนื่องจาก รัฐบาลเยอรมันได้ขยายระยะเวลา และปรับเงื่อนไขการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อยานยนต์ PHEV โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 และปี ค.ศ. 2025 รัฐบาลเยอรมันจะให้เงินสนับสนุนแก่ผู้ซื้อยานยนต์ PHEV เมื่อขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอย่างน้อยร้อยละ 60 และ ร้อยละ 80 ตามลําดับ โดยสถาบันวิจัย Frauenhofer เมือง Karlsruhe แห่งเยอรมนี รายงานว่า ที่ผ่านมาผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า PHEV ส่วนใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถอ่านได้จากระบบคอมพิวเตอร์บนหน้าปัดยานยนต์ โดยขณะนี้ บางประเทศในยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ ได้ประกาศยกเลิกการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้า PHEV แล้ว

.

ประเทศไทยสามารถผลิตอะลูมิเนียมได้ถึง 320,000 ตันต่อปี และส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อใช้งานภายในประเทศ หากแต่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีน เช่นเดียวกับเยอรมนีอยู่ ซึ่งการที่เยอรมนีเริ่มมองหาซัพพลายเออร์จากประเทศอื่น นอกเหนือจากจีน เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกอะลูมิเนียม หรือแผงวงจรด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งไทยและเยอรมนีต่างให้ความสนใจกับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก เพื่อมุ่งสู่โลกสีเขียวที่ยั่งยืน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในขณะนี้ EEC ได้จัดทำยุทธศาสตร์ EV Conversion เพื่อยกระดับและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของผู้ประกอบการไทยด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยในการร่วมพัฒนา วิจัย หรือลงทุนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ร่วมกับเยอรมนี เนื่องจากไทยเองมีประสิทธิภาพสูงในการเป็นจุดศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ เทคโนโลยี และสามารถกลายเป็นผู้ส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของภูมิภาคได้อีกด้วย

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน