ด้านสาธารณสุขและเทคโนโลยี
.
รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์กเตรียมการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ Heidelberg Mannheim Health & Life Science Alliance โดยเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญ และมหาวิทยาลัยต่างๆ ในพื้นที่เขต Rhein-Neckar-Region ได้แก่ มหาวิทยาลัย Heidelberg มหาวิทยาลัย Mannheim ศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งชาติ (DKFZ) European Molecular Biology Laboratory (EMBL) สถาบันวิจัย Max-Planck-Institut เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ และสถาบัน Central Institute for Mental Health ซึ่งพื้นที่ในเขตเมือง Heidelberg และเมือง Mannheim นั้นมีความเหมาะสมที่จะจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมีบริษัทและหน่วยงานต่างๆ ในด้านนี้กว่า 950 แห่ง รวมถึงมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่ง ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และแพทยศาสตร์ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์กจึงเล็งเห็นความสําคัญที่นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์จะมีความสําคัญอย่างยิ่งในอนาคต และนําไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้หน่วยงานทั้งหมดได้ลงนามใน MoU อย่างเป็นทางการแล้ว และรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์กได้จัดสรรงบประมาณรองรับในเบื้องต้นทั้งสิ้น 40 ล้านยูโร โดยศูนย์ความร่วมมือนี้จะเป็นศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์แห่งที่ 3 เพิ่มเติมจากศูนย์ Cyber Valley ในเขตเมือง Stuttgart และ Tübingen และศูนย์ Mobility of the Future ในเขตเมือง Karlsruhe และเมือง Stuttgart
.
ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
.
จากผลกระทบต่อเนื่องของการแพร่ระบาด ทําให้นักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยจํานวนผู้เข้าพักในโรงแรมและที่พักประเภทต่างๆ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 9.4 ล้านคน ซึ่งก่อนเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2562 นั้น ตัวเลขการเข้าพักในช่วงเดียวกัน อยู่ที่ประมาณ 25.8 ล้านคน
.
อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้บ้างในช่วงฤดูร้อนนี้ เนื่องจากความนิยมในการท่องเที่ยวในพื้นที่ท้องถิ่นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทม แบร์กมีนักท่องเที่ยวจากภายในเยอรมนี คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 90.4 มากกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตในปี 2562 ซึ่งสัดส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 79.9
.
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมิได้เป็นอุตสาหกรรมหลักที่สําคัญในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก แต่รัฐได้พยายามที่จะยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในรัฐให้มีศักยภาพมากขึ้นกว่าในอดีต โดยมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อมในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
.
ภาคการค้าปลีก
.
กระทรวงเศรษฐกิจ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก มีแถลงการณ์เกี่ยวกับนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจค้าปลีก ภายใต้โครงการ Handel 2030 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพธุรกิจค้าปลีกขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่านการอุดหนุนเงินทุน และให้คําปรึกษาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถพัฒนา และปรับแผนธุรกิจของตนให้รองรับกับการเปลี่ยนผ่านในกระแสยุคปัจจุบัน รวมทั้งการนําเทคโนโลยีดิจิทัลให้เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมธุรกิจรายย่อย ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจ จะมีการจัดสรรเงินงบประมาณเบื้องต้นจํานวน 2 ล้านยูโร ถึงสิ้นปี 2565 โดยประเมินว่าจะสามารถให้การสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกรายย่อยได้ทั้งสิ้นประมาณ 450 ราย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถยื่น ขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงฯ ได้โดยตรง ซึ่งจะมีขั้นตอนการพิจารณาตามความเหมาะสม โดยสนับสนุนเงินทุนให้ที่ร้อยละ 60 ของค่าใช้จ่ายที่ประมาณการไว้
.
จากนโยบายในด้านต่างๆ ของรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก เช่น การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการร่วมพัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาการบริการด้านสาธารณสุข ร่วมวิจัยหรือพัฒนายาและวัคซีนจากสมุนไพรไทย หรือ การแพทย์ในด้านอื่นๆ รวมถึงด้านการค้าปลีก ที่มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกขนาดกลางและขนาดย่อมจากภาครัฐ ผู้ประกอบการไทยในเยอรมนีอาจพิจารณาเข้าร่วมโครงการนี้ หรือศึกษาความร่วมมือด้านการค้าและลงทุนจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เพื่อเพิ่มความดึงดูดสินค้าไทยแก่ผู้ประกอบการเยอรมันภายใต้โครงการ Handel 2030 โดยสินค้าที่เยอรมันนิยมนำเข้าจากไทย เช่น ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก ยาง พลาสติก และสินค้าอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ การคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และตระหนักถึงการลดก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิตเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการควรติดตาม เนื่องจากเยอรมนีให้ความสำคัญ และมีการตั้งเป้าอย่างชัดเจนในการใช้และนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
.
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก