Monday, May 19, 2025
  • Login
  • Register
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
Glob Thailand
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Home Glob Insight

ตัวอย่างการนำแนวคิด ESG มาปรับใช้และข้อคิดสำหรับ SMEs

21/02/2024
in Glob Insight
0
ตัวอย่างการนำแนวคิด ESG มาปรับใช้และข้อคิดสำหรับ SMEs
0
SHARES
5.2k
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterShare on Line

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัทด้านพลังงานระดับนานาชาติ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการทำเหมืองถ่านหินเล็กๆ ที่เหมืองบ้านปู อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เมื่อปี 2526 ซึ่งเป็นที่มาของชื่อบริษัทเพื่อแสดงถึงถิ่นกำเนิดแรกเริ่มก่อตั้ง หลังจากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2532 บ้านปูเริ่มขยายธุรกิจถ่านหินสู่ต่างประเทศโครงการแรกที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2534 จนปัจจุบันบ้านปูดำเนินธุรกิจใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ธุรกิจพลังงานที่ดำเนินงานก็มีความหลากหลายขึ้น โดยประกอบธุรกิจด้านพลังงานใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ได้แก่ เหมืองถ่านหินและแหล่งก๊าซธรรมชาติ (shale gas) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ได้แก่โรงงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์และลม ตลอดจนพลังงานความร้อนจากไอน้ำ และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ธุรกิจแบตเตอรี่ โซลูชั่นพลังงาน และ e-mobility เป็นต้น ธุรกิจของบ้านปูจึงหลากหลายทั้งในแง่จำนวนประเทศที่เพิ่มขึ้นและที่คลอบคลุมแหล่งพลังงานต่างๆ อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า พลังงานลม พลังงานแสงแดด ไอน้ำ และแบตเตอรี่ จนปัจจุบันบ้านปูมีมูลค่าสินทรัพย์ที่ราบงานต่อตลาดประมาณ 12,638 ล้านดอลลาร์ มูลค่าตลาด (market capitalization) ประมาณ 75,242 ล้านบาท

บ้านปูได้ transform ตัวเองรับกับความผันผวนอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อผลิตพลังงานที่สะอาดขึ้นตามกลยุทธ “Greener Smarter” โดยตั้งเป้าไว้ว่า ใน 5 ปีข้างหน้า รายได้ (EBITDA) 50% ของบ้านปูจะมาจากพลังงานสะอาด

อย่างที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจด้านพลังงานเป็นหนึ่งในกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนค่อนข้างมาก ในการสร้างการเติบโตเข้าสู่นานาชาติ บ้านปูต้องให้ความสำคัญและจริงจังกับประเด็นความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล โดยมีการดำเนินงานใน 2 ระดับ คือระดับฝ่ายจัดการ ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อความยั่งยืน (sustainable committee) ในระดับบริหารรคือระดับ CEO และผู้บริหารในทุกหน่วยธุรกิจทั้งในประเทศไทยและหน่วยธุรกิจใน 10 ประเทศของบ้านปูทำหน้าที่ประสานพลังร่วมกันวางกลยุทธ์ในด้าน sustainability ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยยึดเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติเป็นเป้าหมายของบริษัท โดย มุ่งเน้นใน  7 เป้าหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจของบ้านปู ได้แก่ ข้อที่ 6 (น้ำสะอาดและสุขาภิบาล) ข้อที่ 7 (พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้)  ข้อที่ 8 (งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ) ข้อที่ 12 (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) ข้อที่ 13 (การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ข้อที่ 15 (ระบบนิเวศบนบก) และข้อที่ 17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)

ที่สำคัญคือ ในระดับคณะกรรมการบริษัท (Board of Directors) ก็มีการตั้งคณะกรรมการ ESG ประกอบด้วยกรรมการอิสระที่มีความรู้ความสามารถในหลายด้าน ที่สามารถนำเสนอข้อคิดเห็นและมุมมองที่มีความเป็นกลางและเป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและเพื่อการนำแนวคิด ESG เข้ามาปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยปณิธานที่ว่า ‘อุตสาหกรรมที่ดีจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม’ ซึ่งบ้านปูเป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทยที่มีการตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้าน ESG ทั้งในระดับกรรมการบริษัทซึ่งจะช่วยกำกับดูแลด้านนโยบายเป็นเหมือนเรดาร์ของบริษัทด้าน ESG และระดับฝ่ายจัดการซึ่งจะดูแลด้านการปฏิบัติและการดำเนินกิจกรรมตามเป้าหมาย ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการสัมภาษณ์ ‘คุณพิริยะ เข็มพล’ ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (คณะกรรมการ ESG) เกี่ยวกับความสำคัญในการนำแนวคิด ESG มาใช้ รวมถึงแนวทางในการปรับตัวสำหรับธุรกิจรายย่อย (MSMEs)

ในฐานะประธานกรรมการ ESG คุณพิริยะมองว่า

การดำเนินกิจการอย่างยั่งยืนจะมุ่งเน้นเรื่องใดเรื่องเดียวไม่ได้ต้องทำทุกเรื่อง กล่าวคือจะเน้นเฉพาะความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (E) ซึ่งกำลังเป็นกระแสที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (climate change) และการลดภาวะโลกร้อนอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องสร้างความยั่งยืนในด้านสังคม (S) และการกำกับดูแลกิจการ (G) ไปพร้อมๆ กันด้วย นอกจากนั้นการดูแล ESG ต้องคำนึงถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (stakeholders) ที่หลากหลายได้แก่ คู่ค้า ผู้ร่วมทุน ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน พนักงานบริษัท ลูกค้า และชุมชมแวดล้อม จึงจะเกิดความยั่งยืนที่แท้จริง   


ตามที่กล่าวมาแล้วว่า โดยบ้านปูได้กำหนดยุทธศาสตร์ 5 ปี ของบริษัท (พ.ศ. 2563 – 2568) ‘Greener and Smarter’ โดยตั้งเป้าว่า ผลประกอบการ (EBITDA) 50% จะมาจากธุรกิจพลังงานสะอาดและธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้บ้านปูจึงได้ลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น เช่น การลงทุนแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ในรัฐเท็กซัส ในปี 2565 เป็นเงินลงทุนประมาณ 1,400 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มจากแหล่งก๊าซในเพนซิลเวเนียที่มีอยู่ก่อนแล้ว) มีกำลังผลิต 864 ล้านลบ เมตร/วัน และมีการลงทุนซื้อโรงงานผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ อีกกว่า 430 ล้านดอลลาร์ ทำให้ในขณะนี้บ้านปูเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่อันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ  นอกจากนั้น บ้านปูยังลงทุนในโครงการ CCUS เพื่อดักจับก๊าซมีเทนจากกระบวนการผลิตก๊าซด้วย มีการลงทุนพลังงานลมในเวียดนาม มูลค่าเกือบ 120 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาบ้านปูเพิ่มการลงทุนในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ใน 3 ประเทศได้แก่ ออสเตรเลียมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ จีน 60 ล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่น 250 ล้านดอลลาร์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่า บ้านปูมุ่งการลงทุนที่ “Greener” ตามกลยุทธ์ที่วางไว้โดยตลอด ในส่วน “Smarter” ก็มีการตั้งหน่วยธุรกิจใหม่คือ BanpuNext เมื่อ ปี 2563 เพื่อนำเทคโนโลยีมาผลิตพลังงานแห่งอนาคต เช่น การลงทุนในธุรกิจ Energy Storage ลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรีในประเทศจีน มีการศึกษาเรื่องพลังงานไฮโดรเจน การทำธุรกิจ E-mobility ธุรกิจ Solar Rooftop รวมทั้งการทำแพลตฟอร์มโซลูชั่นการประหยัดพลังงาน รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การลงทุนในกองทุน Healthcare และอื่นๆ เป็นต้น บ้านปูจึงมีการ transform อย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

ตัวอย่างโครงการที่บ้านปูได้ดำเนินงานโดยแบ่งไปตามแนวคิด ESG ทั้ง 3 ด้าน 

  • ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment: E) บ้านปูมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แทนการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ที่ใช้น้ำมันดีเซล การลด water withdrawal และ water discharge โดยร่วมมือกับลูกค้าที่เป็นโรงไฟฟ้าให้ใช้น้ำจากเหมืองใต้ดินของบ้านปูฯ ซึ่งจะมีน้ำใต้ดินออกมาทดแทนการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้มีการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการทำงานด้วย เช่น การร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการดักจับคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage – CCUS) การติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการจัดการมลพิษที่ออกจากปล่องโดยการใช้เทคโนโลยีดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Flue Gas Desulphurization – FGD) การดักจับฝุ่นด้วยระบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator – ESP) โดยมีการตรวจวัดแบบต่อเนื่อง (Real Time) ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เข้มงวดของภาครัฐในหน่วยการลงทุนในทุกประเทศได้

บ้านปู พัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในสหรัฐฯ
  • ด้านสังคม (Social: S)บ้านปูมุ่งสร้างและขยาย Social Impact ตั้งแต่ระดับภายในองค์กรจนถึงภายนอกองค์กร สังคม ตลอดจนประเทศชาติ (Inside to Outside) เช่น บ้านปูมีวัฒนธรรมองค์กร Banpu Heart ที่เชื่อมโยงและหลอมรวมพนักงานจากหลากหลายเชื้อชาติและต่างวัฒนธรรมใน 10 ประเทศที่บ้านปูดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เกิดพลังการทำงานร่วมกันภายใต้วิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกัน การทำกิจกรรม Business Camping และการจัดตั้งทีมบริหารจัดการในสภาวะวิกฤต (Incident Management Team: IMT) ที่เน้นความสำคัญกับสุขภาพของพนักงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังสร้างสัมพันธ์กับชุมชนและผู้คนในบริเวณโดยรอบพื้นที่ของการสร้างเหมืองหรือโรงงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจกับชาวบ้าน เช่น การสร้างถนนในหมู่บ้านการบริจาคสิ่งของจำเป็น การหางานให้กับคนในชุมชน รวมถึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ของชุมชนนั้น ๆ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 บ้านปูและมิตรผลร่วมกันจัดตั้งกองทุน 2000 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือจัดหาอุปกรณ์แก่โรงพยาบาลต่างๆ เช่นการสร้างห้องความดันลบแก่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯแลพต่างจังหวัด จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

บ้านปูช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
  • ด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance: G) บ้านปูมีการปรับปรุงนโยบาย กฎระเบียบ และข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการระดับประเทศและระดับสากล การจัดตั้งคณะกรรมการ ESG เป็นกระบวนการหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและการให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลกิจการ มีกฎเกณฑ์ที่รัดกุมในการสร้างความปลอดภัยให้พนักงานและชุมชน การต่อต้านการคอรัปชัน ตลอดจนการดูแลเรื่อง cyber security ในการปกป้องข้อมูลบริษัทและข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นต้น มีกระบวนการต่างๆในการสร้างจิตสำนึกทาง ESG ทั้งในระดับบอร์ดและฝ่ายบริหาร (รวมทั้งมี KPI ให้ฝ่ายบริหารปฏิบัติตามเป้าหมาย ESG ของบริษัท) เพื่อให้ทุกฝ่ายช่วยให้ภารกิจบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและขับเคลื่อนให้องค์กรดำเนินการด้าน ESG ไปในทิศทางที่เหมาะสม นอกจากนี้ ในด้านของการอำนวยความสะดวกในการทำงาน บ้านปูยังได้จัดตั้งหน่วยงาน DCOE หรือ Digital Center of Excellence เพื่อช่วยหาเทคโนโลยี Digital มาใช้ในการทำงาน เช่น โครงการ Mine Operation Collaboration Application (MOCA) ที่เหมืองในอินโดนีเซีย ที่เอื้อให้การติดตามงานผู้รับเหมาเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ทำให้สามารถรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ปัจจุบัน DCOE ได้ถูกรวมเข้ากับหน่วย IT เป็น Digital & Innovation (D&I) เป็นกลไกหนึ่งที่มีความสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานด้าน ESG

จากการดำเนินการในแต่ละด้าน บ้านปูมีตัวชี้วัดเพื่อประเมินความสำเร็จ ซึ่งแต่ละด้านจะประกอบด้วยเกณฑ์การประเมินที่แตกต่างกัน โดยอิงจากมาตรฐานสากลของ Global Reporting Initiative (GRI) ซึ่งตัวชี้วัดแต่ละตัวจะมีการตั้งเป้าหมายทั้งในระยะสั้น (1 ปี) และระยะกลาง (5 ปี) โดยมีการถ่ายทอดเป้าหมายเหล่านี้ไปยังแต่ละหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และมีการตรวจติดตามผลการดำเนินงานเป็นระยะทั้งจากฝ่ายจัดการและคณะกรรมการ ESG และบ้านปูได้จัดทำ รายงานเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Report) แจกแจงกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน เป้าหมายและตัวชี้วัดอย่างละเอียด และนำเสนอเป็นรายงานประจำปีต่อตลาดหลักทรัพย์และสาธารณชนทุกปี

นอกจากนั้น ในปี 2566 จะเป็นปีแรกที่บ้านปูจะจัดทำ Climate Change report โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้บริหารจัดการความเสี่ยงภายในบริษัท และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ลงทุน รายงานฉบับนี้ถือเป็นการเปิดเผยโดยความสมัครใจ (disclosure) ต่อสาธารณชน รายงานนี้เป็นสิ่งที่ คณะทำงาน TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ ที่ตั้งขึ้นในปี 2015 ตามมติของ G20 ปัจจุบัน TCFD มีนาย Michael Bloomberg เป็นประธาน มุ่งหวังให้บริษัทเอกชนของทุกประเทศเสนอรายงานนี้ขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับตัวในกระบวนการ ESG ได้อย่างยั่งยืนและสมดุลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความไร้เสถียรภาพและวิกฤตการณ์ในด้านเศรษฐกิจการเงินของโลก เพราะหากปรับตัวให้บรรลุเป้าหมายทางความยั่งยืนแล้วบริษัทต่างๆต้องอยู่ได้ หากธุรกิจล่มสลายก็อาจเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกได้

แม้ว่าการปรับตัวเข้าสู่ความยั่งยืนตามแนวคิด ESG จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชนรอบและโลก อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การดำเนินงานก็มีอุปสรรคและความท้าทายสูงในการปรับธุรกิจตามแนวคิด ESG คุณพิริยะ เผยว่า การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตหรือการดำเนินงานในแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงและบริษัทต้องมีวิสัยทัศน์และมีการวางแผนที่ดี  โดยในช่วงปี 2562 – 2566 บ้านปูมีการลงทุนที่มีวัตถุประสงค์ในการยกระดับ ESG ของบริษัท เช่น การลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มการลงทุนในด้านพลังงานหมุนเวียน พลังงานแสงอาทิตย์ และการลงทุนในแหล่งก๊าซ ซึ่งล้วนต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก ในภาพรวมบ้านปูได้ลงทุนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของงบลงทุนในแต่ละปี หรือประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์  

อย่างไรก็ตามในสภาวะปัจจุบัน ความกดดันจากสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (geo-politics) โดยเฉพาะสงครามในยูเครน ที่ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานและอาหาร โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูง ปัญหาต่างๆข้างต้นอาจทำให้บริษัทจำนวนมากมีผลประกอบการที่ขาดทุนและตอกย้ำด้วยความยากลำบากในการหาแหล่งเงินทุนกู้เพื่อลงทุน ทำให้การลงทุนเพื่อดำเนินการตามแนวคิด ESG เป็นเรื่องที่มีต้นทุนสูงและทำได้ยากมากขึ้น บริษัทต่าง ๆ รวมทั้งบ้านปูจึงต้องวางแผนอย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ธุรกิจมีความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อ stake holders ในการบรรลุเป้าหมาย ESG นอกจากนี้ ในกรณีบ้านปู ยังมีความท้าทายในการรักษามาตรฐานของหน่วยธุรกิจใน 10 ประเทศที่หลากหลายมาตรฐาน ต้องมีการประสานงานระหว่างกันได้อย่างราบรื่นเพื่อให้สามารถดำเนินงานด้าน ESG ไปพร้อม ๆ กัน ที่ผ่านมาบ้านปูจึงต้อง transform ตัวเองอยู่เสมอ และต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะนำตัวเข้าสู่มาตรฐานสากลของโลกและของภูมิภาคในทุกระดับ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงพอจะเห็นภาพแล้วว่าการปรับธุรกิจเข้าสู่แนวคิด ESG นั้นมีข้อดี รวมถึงอุปสรรค และความท้าทายอย่างไรบ้าง สำหรับธุรกิจรายย่อยแล้วอาจมีข้อจำกัดในเรื่องการลงทุนเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี บริษัทต่างๆ ต้องตื่นตัวด้าน ESG จริงจัง ต้องมีการวางแผนและขับเคลื่อนอย่างสอดคล้องกันทั้งในระดับบอร์ด และระดับปฏิบัติ โดยอาจจะเริ่มจากการตั้งคำถามให้กับธุรกิจของตัวเองแบบง่าย ๆ เช่น ‘ธุรกิจของเราสามารถรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีได้มากน้อยแค่ไหน? นอกจากนั้น ต้องพิจารณาด้วยว่า การปรับตัวตามแนวคิด ESG นั้นสามารถตอบสนองต่อ stakeholders ทุกฝ่ายได้อย่างสมดุลและยั่งยืนหรือไม่ รวมทั้งต้องยึดหลักว่า “ธุรกิจจะอยู่ได้และสังคมต้องอยู่ได้” หากพยายามหาตอบให้กับคำถามเหล่านี้ได้ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้นก็น่าจะเป็นไปได้แน่นอน

เรียบเรียง : ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์


Tags: #2023#ESG#globinsight#globthailand#SMEs#Sustainability#Sustanable#บ้านปู#พลังงาน#พลังงานสะอาด#ฺBanpu#เชื้อเพลิง#แนวคิดธุรกิจslideshow
Previous Post

จับตาด้านพัฒนาการขนส่งและโลจิสติกส์ของกว่างซี 

Next Post

สิงคโปร์อัปเดตแผนการนำทรัพยากรชีวภาพเปลี่ยนเป็นพลังงาน

Globthailand

Globthailand

Next Post
สิงคโปร์อัปเดตแผนการนำทรัพยากรชีวภาพเปลี่ยนเป็นพลังงาน

สิงคโปร์อัปเดตแผนการนำทรัพยากรชีวภาพเปลี่ยนเป็นพลังงาน

Post Views: 9,046

NEW EVENT

Current Month

RECENTNEWS

จีนเปิดทางนำเข้าสุกรพันธุ์จากเดนมาร์ก กว่างซีชูสนามบินกุ้ยหลินเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ปศุสัตว์

จีนเปิดทางนำเข้าสุกรพันธุ์จากเดนมาร์ก กว่างซีชูสนามบินกุ้ยหลินเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ปศุสัตว์

19/05/2025
ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีหนังต่างประเทศ 100% แคนาดาวิตกกระทบแรงงานและเศรษฐกิจ

ตอนที่ 2 : ปัจจัยความสำเร็จของ YRD ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 

15/05/2025
ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีหนังต่างประเทศ 100% แคนาดาวิตกกระทบแรงงานและเศรษฐกิจ

ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีหนังต่างประเทศ 100% แคนาดาวิตกกระทบแรงงานและเศรษฐกิจ

15/05/2025
สถานการณ์เศรษฐกิจอาเซอร์ไบจาน ปี 2567 และแนวโน้ม ปี 2568 

สถานการณ์เศรษฐกิจอาเซอร์ไบจาน ปี 2567 และแนวโน้ม ปี 2568 

14/05/2025
Update! เศรษฐกิจสำคัญของรัฐไบเอิร์น เยอรมนี

Update! เศรษฐกิจสำคัญของรัฐไบเอิร์น เยอรมนี

14/05/2025
ครบรอบ 60 ปี! แห่งการก่อตั้งสิงคโปร์ 

ครบรอบ 60 ปี! แห่งการก่อตั้งสิงคโปร์ 

14/05/2025

FOLLOW US

ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ
443 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี
กรุงเทพมหานคร 10400

OFFICE HOURS

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
TEL : 02-203-5000 ต่อ 14239 – 14245
EMAIL : IN**@**********ND.COM

FOLLOW US

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

No Result
View All Result
  • Home
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทันโลก
    • เศรษฐกิจ I การเงิน
    • ธุรกิจ I การค้า I การลงทุน
    • การท่องเที่ยว I การบริการ
    • อาหาร I การเกษตร
    • คมนาคม I โลจิสติกส์
    • การแพทย์ I สุขภาพ
    • พลังงาน I สิ่งแวดล้อม I ความยั่งยืน
    • เทคโนโลยี I นวัตกรรม
    • E-commerce
    • กฎ I ระเบียบ I นโยบาย
    • อื่นๆ
    • INFOGRAPHICS
  • Glob Issue
  • ชี้ช่องจากทีมทูต
  • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • โอกาสใหม่ในต่างแดน
    • Thai Festival
  • รู้กฎก่อนรุก
    • ความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างประเทศ
  • Glob Insight
  • INTER ECON
  • เครือข่ายของเรา
    • GT Network
    • ลิงค์ที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา

© 2016-2022 Globthailand.com Business Information Centers (BICs) Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. All rights reserved.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In
X
X