Dr. Thani Bin Ahmed AI Zeyoudi รมว. ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของยูเออีได้กล่าวในการประชุม UN Climate Action Summit ที่นครนิวยอร์ค ได้แสดงแผนปฏิบัติการในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (แผนลดโลกร้อน) ของยูเออี เพื่ออาจเป็นตัวอย่างให้ประเทศต่างๆ ยึดถือเป็นแบบอย่าง นับตั้งแต่ปี 2006 ยูเออีได้มีแผนปฏิบัติการในการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและพลังงานที่ลดการผลิตก๊าซเรือนกระจก โดยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุด เช่น โครงการ Mohammed Bin Rashid Al Maktoum Solar Park ของดูไบขนาด 5 GW ซึ่งจะเสร็จในปี 2030 และโครงการ Noor Abu Dhabi เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าขนาด 1 GW ในพื้นที่เดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เพิ่งจะประกาศออกมาโดยมีแผงผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ถึง 3.2 ล้านแผ่น ซึ่งได้เสร็จสมบูรณ์เมื่อ มิ.ย. 2019 และยูเออีมีโครงการใหม่ในการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ใหม่เพิ่มเติมอีก 2 GW ซึ่งจะทำลายสถิติของ Noor Abu Dhabi อีกด้วย
[su_spacer]
เป้าหมายและพันธกรณีของยูเออีในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนนี้ ยูเออียังจะส่งออกพลังงาน ไฟฟ้าเหล่านี้ไปยังประเทศต่าง ๆ อีกด้วย เนื่องจากขณะนี้มีการลงทุนผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของยูเออีที่ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีมูลค่าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของยูเออีต่ำที่สุดในโลกแล้ว โดยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อ 1 kwh อยู่ที่ 5.84 เซนต์ของดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2015 และ 2.99 เซนต์ในปี 2016 และ 2.94 เซนต์ในปี 2017 ทั้งนี้ ในระดับนานาชาติ ยูเออีได้ตั้งบริษัท Masdar ซึ่งได้ลงทุนมากกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน 49 โครงการ ซึ่ง บ. Masdar มีสินทรัพย์ที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 4 GW ใน 25 ประเทศ
[su_spacer]
นอกจากนี้ ยูเออียังได้ให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2013 มีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผ่านโครงการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งใช้กองทุน Abu Dhabi Fund for Development มีแผนจะใช้งบประมาณ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการสนับสนุนโครงการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ได้รับการส่งเสริมจาก International Renewable Energy Agency อนึ่ง ในปี 2013 UAE Pacific Partnership Fund ยังได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะใช้ส่งเสริมการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในภูมิภาคแปซิฟิกซึ่งขณะนี้มีต้นทุนด้านพลังงานสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ ในปี 2017 ยูเออียังได้ตั้งกองทุน UAE Caribbean Renewable Energy Fund มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนใน 16 ประเทศแถบแคริบเบียนอีกด้วย ความริเริ่มทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นไปเพื่อให้ลดการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ และยังทำให้มีความยืดหยุ่นในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในดินแดนเหล่านั้นเพิ่มขึ้นด้วย
[su_spacer]
ตามแผนปฏิบัติการ Climate Action ของยูเออี ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วย เพื่อพิทักษ์รักษา สิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จะทำให้ภาคส่วนต่าง ๆ ต้องปรับตัวและเป็นกระบวนการในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งยูเออีต้องการความร่วมมือทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชน รวมถึงประชาชน โดยเฉพาะมีการโฟกัสไปยังกลุ่มคนรุ่นหนุ่มสาว ซึ่งรัฐบาลยูเออีเห็นว่า เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงประเทศนั้น ๆ ได้มากที่สุด โดยเฉพาะแนวคิดสร้างสรรค์ของบุคคลรุ่นใหม่จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศอย่างมีนัยสำคัญให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งในการประชุม UN Climate Action Summit นี้ ยูเออีจะดำเนินการต่อไปในการส่งสัญญาณให้ประเทศต่าง ๆ ร่วมมือกันให้มากขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และยูเออีก็จะเป็นกำลังช่วยเหลือประเทศต่างๆ เพื่อนำพามนุษยชาติไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขและลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นแนวทางเดียวของมนุษยชาติที่จะต้องชนะในเรื่องนี้ให้ได้ เป็นต้น
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ