ในการประชุมสุดยอด Knowledge Summit ครั้งที่ 6 ที่ดูไบ โดยคณะรัฐมนตรี ระหว่าง Mohammed Bin Rashid Al Maktoum Knowledge Foundation (MBRF) มูลนิธิของรองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และเจ้าผู้ครองรัฐดูไบ กับ UNDP จัดประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ระดับสูงของโลก เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2019 จึงได้ประกาศให้ดูไบเป็นเมืองแห่งความรู้ในปี 2020 (City of Knowledge for 2020) ซึ่งในการประชุมดังกล่าว จะมีการประกาศเมืองแห่งความรู้แห่งใหม่ทุกปี โดยผู้แทนบริษัท Pricewaterhouse Coopers (PWC) สาขา Luxembourg ซึ่งดูแลเครือข่ายผู้นำระดับโลกด้านระบบนิเวศของนวัตกรรมในภูมิภาค นาง Laurent Probat กล่าวว่า ดูไบเป็นเมืองนานาชาติและมีความริเริ่มใหม่ๆ ในการสร้างความรู้ให้กับประชาชนและโลกอยู่เสมอ ทาง PwC จึงร่วมมือกับ MBRF ภาครัฐและเอกชนและภายใต้การนำของ รองประธานาธิบดี และเจ้าผู้ครองรัฐดูไบ ทำให้ยูเออีที่กำลังพัฒนาเศรษฐกิจฐานความรู้และการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นไปอย่างแน่วแน่ และจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศต่าง ๆ ในการโฟกัสด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านเศรษฐกิจฐานความรู้ โดยการประชุมสุดยอดในเรื่องนี้เป็น platform ในการหารือถึงนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านต่าง ๆ การกำจัดความยากจน และการเพิ่มทักษะให้กับประชาชน ซึ่งในปี 2020 ดูไบจะเป็นเจ้าภาพ Expo 2020 ซึ่ง มีความริเริ่มใหม่ๆ เกิดจากดูไบจำนวนมาก อาทิ การจัดอันดับดัชนีฐานความรู้ในระดับโลก (Global Knowledge Index) การจัดทำ Future of Knowledge : A Foresight Report และ การจัดตั้ง Mohammed Bin Rashid University for Knowledge and Sustainable Development
[su_spacer]
สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจหลายด้าน อาทิ นาย Luca Curci สถาปนิก ชาวอิตาเลียน ได้นำเสนอการพัฒนาเมืองในแนวดิ่งตั้ง และการสร้างอาคารบนน้ำที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนในภาวะน้ำทะเลท่วมสูงได้ เนื่องจากภายในปี 2021 น้ำทะเลอาจจะสูงขึ้นถึง 4 ฟุต ซึ่งทำให้มนุษย์จะต้องมองหาทางเลือกอื่นๆ ในการใช้ชีวิตในโลกนี้ และขณะนี้เมืองชายทะเลใหญ่ ๆ ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาน้ำท่วม สูงในอนาคต เช่น ไมอามี และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งนาย Curci ได้นำเสนออาคารที่สามารถจะดำรงตั้งอยู่ในน้ำได้อย่างยั่งยืนโดยไม่มีปัญหา และกล่าวว่าภายใน 12 ปี โลกจะมีประชากรเพิ่มอีก 2 พันล้านคน แต่เมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกยังไม่มีความพร้อม ดังนั้นการสร้างเมืองบนทะเลให้รองรับกับคน 25,000 คน ซึ่งจะไม่มีของเสียใดๆ เกิดขึ้นเลย (zero-waste) และมีการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ กังหันลม และระบบกังหันน้ำในการ ผลิตพลังงานซึ่งในเมืองเหล่านี้และจะมีการผลิตอาหารและการทำฟาร์มต่างๆ เอง ซึ่งจะเป็นไลฟ์สไตล์ เพื่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอนาคตด้วย
[su_spacer]