ในการวิเคราะห์การเติบโตของเศรษฐกิจดูไบและยูเออี ภายหลังการจัด Dubai Expo 2020 ซึ่งจะเป็นงานระดับยักษ์ที่สุดที่ยูเออีเคยจัดมา และจะกระทบต่อการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในดูไบอย่างไรนั้น รัฐบาลคาดว่ามีความต้องการห้องพักโรงแรมจำนวน 160,000 ห้อง ซึ่งขณะนี้ในดูไบมีโรงแรมและห้องพักเพียง 118,500 ห้อง และมีห้องพักภายใต้ Airbnb 6,000 ห้อง และมีห้อง 25,000 ห้องในโรงแรม/อพาร์ทเมนต์ที่กำลังจะเสร็จภายในปี 2020 อีก 25,000 ห้อง โดยคาดการณ์ว่าประชากรของดูไบ/ยูเออีจะเติบโตขึ้นแตะระดับ 5 ล้านคน (ปัจจุบันมี 3.14 ล้านคนในปี 2561) ในปี 2027 โดยภาคก่อสร้าง (อสังหาริมทรัพย์) ในดูไบมีส่วนต่อ GDP ของดูไบถึง 24.6 พันล้านดีแรห์ม หรือ 6.3% ในปี 2017 และคาดว่าในปีนี้ GDP ของยูเออีจะเติบโตสูงกว่าที่เคยคาดไว้ว่าจะเป็น 2.1% ในปีนี้ โดยจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ในปี 2020 และในปี 2021 จะเติบโตลดลงเหลือ 2.8% เนื่องจากในปี 2020 จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม Expo มาก ซึ่งจากการประมาณการของบริษัทที่ปรึกษา EY งาน Expoจะทำให้ GDP ของดูไบเติบโตขึ้น 1.5% และธนาคารต่างๆ จะต้องให้การสนับสนุนทาง การเงินกับการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ในดูไบมากขึ้นเพื่อรองรับงาน Expo
[su_spacer]
ดังนั้นเพื่อให้เศรษฐกิจดูไบเติบโตอย่างยั่งยืน รัฐบาลดูไบได้วางแผนการใช้โครงสร้างอาคาร Expo ต่างๆ กว่า 80% ให้เข้าอยู่ในแผนงานเขตเศรษฐกิจและธุรกิจใหม่ของดูไบ โดยเรียกว่า District 2020 ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ เช่น Accenture และ Siemens จะเป็นผู้เช่าอาคารหลักของพื้นที่และศูนย์การประชุมและนิทรรศการหลักของดูไบโดยจะเข้าใช้พื้นที่ Expo เดิมด้วย สำหรับการจ่ายหนี้สิน 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลดูไบก็จะมีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับในการจ่ายเงินคืนประมาณครึ่งหนึ่งภายในปี 2020
[su_spacer]
สำหรับระยะสั้นและระยะกลาง อสังหาริมทรัพย์ในดูไบยังคงมีการแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจดูไบอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่เป็นในระดับที่หวือหวาในอนาคต เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีวงจรทางธุรกิจ ซึ่งจะไม่ เป็นช่วงพีคของธุรกิจอีกต่อไป เนื่องจากสภาพการณ์ในภูมิภาคไม่เหมาะสม เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็ง ราคาน้ำมันต่ำ ปัญหาทางการเมืองและเสถียรภาพของภูมิภาค ความวิตกกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด และการ คาดการณ์เกี่ยวกับภาวะตลาดเป็นลบของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวก็ถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็น new normal และเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
[su_spacer]
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่ต้องจับตามองคือ รัฐบาลดูไบมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปต่างๆ ซึ่งการดำเนินงานของรัฐบาลดูไบในช่วงทศวรรษ 1970 จนถึงปัจจุบัน มีผลกระตุ้นตลาดอย่างมีนัยสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาล ที่กระตุ้นให้นักธุรกิจและคนต่างชาติ ย้ายมาอยู่อาศัยและพำนัก ประกอบธุรกิจในดูไบมากขึ้น และนโยบายในการทำให้เมืองดูไบเป็นเมืองที่ไม่มีค่าครองชีพสูงนัก และเพิ่มความง่ายในการ ออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งการออกวีซ่าให้พำนักอยู่ในดูไบระยะยาวขึ้น รวมทั้งการสร้างศูนย์บ่มเพาะ (Incubator) ทางธุรกิจต่างๆ เพื่อทำให้ธุรกิจ start-ups มาตั้งในดูไบมากยิ่งขึ้น และการส่งเสริมเศรษฐกิจแห่งการเรียนรู้ (Knowledge economy) ตลอดจนความริเริ่มใหม่ๆ เช่น การสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการอดกลั้นทาง ความเชื่อและศาสนาต่าง ๆ ในดูไบ/ยูเออี เพื่อต้อนรับบุคคลต่างชาติ ศาสนา เพื่อมาทำธุรกิจและอาศัยอยู่ในดูไบอย่างมีความสมานฉันท์ เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในตะวันออกกลาง
[su_spacer]
ทั้งนี้ ดูไบเห็นว่า ด้วยการพัฒนาในด้านต่างๆ ตามวิสัยทัศน์ผู้นำหัวก้าวหน้าในการพัฒนาและปฏิรูป โครงการของรัฐ จะทำให้ดูไบยังคงเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ และยังคงตื่นตัวและเป็นเมืองที่มีความก้าวหน้า ในอนาคต ซึ่งต้องการความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐและเอกชนดูไบในการสร้างและแลกเปลี่ยนแนวความคิด ใหม่ๆ มาปรับปรุงดูไบ การสร้างความโปร่งใสให้มากขึ้น และการใช้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากที่ต่างๆ การใช้เทคโนโลยี ใหม่ ๆ เพื่อให้ดูไบก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต
[su_spacer]
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ