หากท่านได้ติดตามอ่านบทความต่างๆ จากเว็บไซต์บีไอซีก็จะทราบว่า e-commerce หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน และการที่คนจีนจำนวนมากทั้งในเมืองและในพื้นที่ชนบทเริ่มหันมาใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือมากขึ้นก็ทำให้ e-commerce นั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไปแล้ว แต่ยังช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทท้องถิ่นเล็กๆ มากมายอีกด้วย Vitasoy ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตด้าน e-commerce ของจีน [su_spacer size=”20″]
การเติบโตของ Vitasoy ในจีนแผ่นดินใหญ่
บริษัท Vitasoy เป็นบริษัทท้องถิ่นของฮ่องกงที่ผลิตเครื่องดื่มมากว่า 78 ปี โดยขึ้นชื่อในเรื่องของนมถั่วเหลืองและชามะนาว จากการที่รายได้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่นั้นสูงขึ้น ประกอบกับการที่ผู้คนเหล่านี้หันมาให้ความสนใจในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้ Vitasoy สามารถขยายตลาดจากฮ่องกงและมณฑลกวางตุ้งที่อยู่ใกล้ๆ กัน ขึ้นไปถึงเขตภาคกลางและภาคตะวันออกของจีนแผ่นดินใหญ่ได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และกลายมาเป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่บริษัทของฮ่องกงที่สามารถเข้าไปครองส่วนแบ่งในตลาดค้าปลีกของจีนแผ่นดินใหญ่ได้ ซึ่งตามรายงานของบริษัทการวิจัยตลาด Euromonitor International แล้ว Vitasoy เป็นหนึ่งในผู้ค้าหลักในตลาดนมถั่วเหลืองของจีนที่มีมูลค่า 9 พันล้านหยวน (4 หมื่น 2 พันล้านบาท) โดยเมื่อปีที่ผ่านมา Vitasoy ถือหุ้นร้อยละ 40 ในตลาดดังกล่าว [su_spacer size=”20″]
ในด้านของผลกำไรของบริษัทเอง ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นร้อยละ 69 ของกำไรทั้งหมดของบริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่มีอยู่ไม่ถึงร้อยละ 20 ในทศวรรษก่อน รายได้จากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่าหกเท่านับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 มาเป็นมูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1 หมื่น 5 พันล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว [su_spacer size=”20″]
เนื่องจากปริมาณความต้องการซื้อของจีนแผ่นดินใหญ่มีมากมายมหาศาล บริษัท Vitasoy จึงตัดสินใจลงทุนหนึ่งพันล้านหยวนเพื่อสร้างโรงงานใหม่ในเมืองตงก่วน มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้ในปี พ.ศ. 2564 และจะเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท [su_spacer size=”20″]
อะไรที่ทำให้ Vitasoy ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่
การเติบโตที่รวดเร็วของ e-commerce ในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัท Vitasoy สามารถเข้าไปเป็นผู้ค้าหลักในจีนแผ่นดินใหญ่ และขยายตลาดไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของจีนได้ในปีที่ผ่านมา เมื่อผู้คนในจีนแผ่นดินใหญ่รู้จักใช้ e-commerce มากขึ้น ทางบริษัทจึงสามารถเข้าถึงตลาดที่พนักงานขายของบริษัทยังครอบคลุมไม่ถึง ตามรายงานของ China National Commercial Information Centre บริษัท Vitasoy ขายนมถั่วเหลืองและชามะนาวได้ทั้งสิ้น 720,000 ขวดภายในเดือนแรกที่เริ่มขายผ่านทางเว็บไซต์ JD.com เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ Vitasoy กลายมาเป็นหนึ่งในยี่ห้อเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน [su_spacer size=”20″]
นาย Roberto Guidetti ผู้บริหารของบริษัท Vitasoy ซึ่งได้เข้ามาทำงานในบริษัท Vitasoy ในปี พ.ศ. 2556 หลังจากทำงานให้กับธุรกิจในจีนของบริษัท Coca-Cola มาหกปี กล่าวว่า “ในอดีต มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทท้องถิ่นที่เริ่มก่อตั้งอยู่ในเขตพื้นที่หนึ่งจะสามารถเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับประเทศ นั่นเป็นเพราะว่ามีเพียงบริษัทใหญ่ ๆ เท่านั้นที่จะมีเงินทุนมากพอสำหรับค่าโฆษณาสินค้าของตนบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของจีน เช่น รายการทีวีของรัฐบาล เป็นต้น แต่ด้วยความที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย e-commerce และเว็บไซต์ดูวิดีโอออนไลน์มีเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้บริษัทท้องถิ่นเล็ก ๆ สามารถเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น” [su_spacer size=”20″]
ปัจจุบันรายได้จากการขายสินค้าของ Vitasoy ผ่านทาง e-commerce ได้เพิ่มมาเป็นร้อยละ 10 ของรายได้ทั้งหมดที่บริษัทได้รับในประเทศจีน ถึงแม้จะเป็นสัดส่วนที่ยังน้อยอยู่ แต่ช่องทาง e-commerce ก็กำลังทำให้เครื่องดื่มยี่ห้อนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบพื้นที่ต่าง ๆ ของจีน ซึ่งทางด้านนาย Guidetti กล่าวว่า ทางบริษัทจะยังคงผลักดันการใช้ช่องทาง e-commerce ให้มากขึ้นต่อไป [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ นาย Cyrus Tai นักวิเคราะห์ของบริษัท Orient Securities ในฮ่องกงกล่าวว่า สิ่งที่ Vitasoy ทำได้ดีมาก ๆ คือการที่บริษัทเริ่มเข้าสู่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านทางตอนใต้ของจีน ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้มากเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ใกล้กับฮ่องกง จากนั้นทางบริษัทจึงค่อยขยายตลาดเข้าไปสู่ภาคกลางและภาคตะวันออกต่อเมื่อได้เห็นแล้วว่าสินค้านั้นขายดีแล้ว [su_spacer size=”20″]
ความท้าทายในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายเตือนถึงความท้าทายข้างหน้าที่บริษัท Vitasoy อาจต้องเผชิญ เนื่องจากคู่แข่งที่มีอิทธิพลจากจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเริ่มปรากฏขึ้นมาให้เห็นมากขึ้น บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งได้แก่ Dali Foods Group และ China Mengniu Dairy ได้เริ่มลงทุนผลิตนมถั่วเหลืองแล้ว และยังเข้าไปขายอยู่ในตลาดทางภาคเหนือของจีน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ Vitasoy ยังเข้าไปไม่ถึง [su_spacer size=”20″]
นอกจากนี้ การที่ Vitasoy อาศัยรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เพียงแค่ 2 ประเภทในจีนแผ่นดินใหญ่ก็อาจเกิดความเสี่ยงได้เช่นกัน หากบริษัทยังไม่สร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง ตลาดก็จะอิ่มตัวหลังจากที่บริษัทขยับขยายเข้าไปในพื้นที่อื่น ๆ ของจีนได้แล้ว [su_spacer size=”20″]
ข้อคิดสำหรับบริษัทไทย
หากดูตามกรณีตัวอย่างจาก Vitasoy แล้ว จะเห็นได้ว่าการขายสินค้าด้วยช่องทาง e-commerce นอกจากจะช่วยให้บริษัทสามารถพิชิตขอบเขตข้อจำกัดของการขายสินค้าด้วยพนักงานขายหรือตามร้านค้าทั่วไปซึ่งส่งผลให้เข้าถึงตลาดใหม่ได้แล้ว e-commerce ยังเป็นช่องทางในการทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการโฆษณาแบบดั้งเดิมอีกด้วย บริษัทไทยที่ยังมีต้นทุนน้อยและอยากลงทุนในจีนอาจเริ่มจากการก่อตั้งบริษัทในพื้นที่ที่เอื้ออำนวยต่อการเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างในฮ่องกง หรือในบริเวณ Greater Bay Area แล้วเริ่มขายสินค้าในบริเวณใกล้เคียงเพื่อเป็นการลดต้นทุนไปก่อน จากนั้นจึงค่อยขยายตลาดเข้าไปในพื้นที่อื่นๆ ของจีนเมื่อสินค้าเป็นที่รู้จักดีแล้ว หากประสบความสำเร็จในการเข้าถึงตลาดของจีนได้แล้วก็อาจลงทุนก่อตั้งโรงงานตามแบบที่ Vitasoy ทำ ซึ่งการก่อตั้งโรงงานในจีนก็ยังสามารถช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทได้อีกด้วย ทั้งนี้บริษัทที่คิดจะเริ่มลงทุนในจีนควรวางแผนรับมือกับความเป็นไปได้ที่ในอนาคตจะมีบริษัทท้องถิ่นเข้ามาเป็นคู่แข่งมากขึ้นด้วย [su_spacer size=”20″]
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง