ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 ท่าอากาศยานนานาชาติฉางสุ่ย นครคุนหมิง ได้กลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ 5 เส้นทาง ได้แก่ กรุงธากาของบังกลาเทศในทุกวันจันทร์โดยบรรทุกผู้โดยสารเฉพาะขาไป เวียงจันทน์ของลาวในทุกวันอังคารและวันศุกร์ กรุงย่างกุ้งของเมียนมาในทุกวันพุธ กรุงโคลัมโบของศรีลังกาในทุกวันอังคาร และกรุงพนมเปญของกัมพูชาในทุกวันเสาร์ โดยเส้นทางบินทั้งหมดให้บริการโดยสายการบิน Chinese Eastern โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 สายการบิน Chinese Eastern ก็ได้กลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินคุนหมิง-กรุงเทพฯ ในทุกวันพฤหัสบดีแล้ว
.
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ท่าอากาศยานนานาชาติฉางสุ่ย นครคุนหมิง นับเป็นท่าอากาศยานของจีนที่มีเที่ยวบินเชื่อมโยงจุดหมายปลายทางในประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครบทุกประเทศและมีจำนวนเที่ยวบินมากที่สุด โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศที่สายการบิน Chinese Eastern กลับมาเปิดให้บริการล่าสุดก็เป็นจุดหมายปลายทางในประเทศเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสิ้น
.
แม้เผชิญผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด แต่ในปี 2563 ท่าอากาศยานนานาชาติฉางสุ่ย นครคุนหมิง ยังมีจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 32.99 ล้านคน ซึ่งลดลงจากปี 2562 ที่มีผู้โดยสารทั้งหมด 48.07 ล้านคน และพลาดเป้าหมายจำนวนผู้โดยสาร 67 ล้านคน แต่ก็ยังคงรักษาอันดับท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากเป็นอันดับที่ 6 ของจีนเอาไว้ได้ สำหรับจุดหมายปลายทาง 10 อันดับแรกของเที่ยวบินขาออกภายในประเทศที่ผู้โดยสารเลือกเดินทางไปมากที่สุด ได้แก่ สิบสองปันนา เฉิงตู เซินเจิ้น กว่างโจว หมางซื่อ หางโจว เจิ้งโจว เซี่ยงไฮ้ หนานหนิง และฉงชิ่ง ขณะที่จุดหมายปลายทาง 3 อันดับแรกของเที่ยวบินขาออกระหว่างประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ เวียงจันทน์ และสีหนุวิลล์
.
ปัจจุบันท่าอากาศยานนานาชาติฉางสุ่ย นครคุนหมิง อยู่ระหว่างดำเนินโครงการขยายท่าอากาศยาน ประกอบด้วย อาคารเทียบอากาศยานหลังรองหลังที่ 1 (อาคาร S1) โดยจะเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับอาคารพักรอผู้โดยสารหลังที่ 1 (อาคาร T1) ด้วยรถรางไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งจะเปิดใช้งานในวันที่ 30 เมษายน 2564 นอกจากนี้ ยังจะก่อสร้างทางวิ่งเพิ่มจาก 2 เส้นทางเป็น 5 เส้นทาง รวมทั้งก่อสร้างอาคารพักรอผู้โดยสารหลังที่ 2 (อาคาร T2) อาคารเทียบอากาศยานหลังรองหลังที่ 2 (อาคาร S2) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2573 ท่าอากาศยานฯ จะสามารถรองรับเที่ยวบินได้ปีละ 762,000 เที่ยว ขนส่งผู้โดยสารได้ปีละ 120 ล้านคน และขนส่งสินค้าได้ปีละ 1,200,000 ตัน
.
สาธารณรัฐประชาชนจีนจัดว่าเป็นประเทศที่สามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมาก รวมไปถึงมีการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนได้อย่างกว้างขว้าง ซึ่งส่งผลให้มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นประเทศไทย ซึ่งจัดว่าเป็นประเทศที่พึ่งพารายได้หลักจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ควรศึกษาแนวทางของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคโดยอาจจะเริ่มทำการเปิดประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือ Vaccine Passport หรือการทำ Travel Bubble กับประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ หรือผู้ประกอบการด้านธุรกิจการบินในไทยควรเร่งที่จะศึกษาวิธีการปรับตัวเพื่อมารองรับรายได้ที่ขาดหายไปจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นการปรับเปลี่ยนเครื่องบินไปเป็นการทำ Cargo flight เพื่อบรรทุกสินค้านำเข้าและส่งออก สุดท้ายนี้ประเทศไทยโดยเฉพาะอุตสาหรรมการบินควรเร่งปรับเปลี่ยนขีดความสามารถ เพื่อฟื้นฟูศักยภาพและเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมามีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนเฉกเช่นเดิม
.
ที่มา: https://mp.weixin.qq.com/s/5ar-EvlLPNLBj2hMaICkmw
https://www.163.com/dy/article/G0A0HJ3A0514R9NO.html
.
สกญ. ณ นครคุนหมิง