ขบวนรถไฟประเภท JSQ ที่บรรทุกยานยนต์ จำนวน 281 คัน นับเป็นขบวนที่ 15 ซึ่งถูกปล่อยออกจากสถานี หยูจุ่ย นครฉงชิ่ง เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างจีนและยุโรป ในขณะเดียวกันขบวนรถไฟบรรทุกยานยนต์ยี่ห้อ Great Wall รุ่น Tank 300 ก็ออกจากสถานีหลานกานถาน นครฉงชิ่ง มุ่งหน้าสู่เขตหมิ่นหาง นครเซี่ยงไฮ้ ก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังตะวันออกกลางและยุโรปโดยการขนส่งทางเรือ นับว่าเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นที่ดีสำหรับการขยายตลาดต่างประเทศของอุตสาหกรรมยานยนต์ของนครฉงชิ่งสู่ตลาดโลก
นครฉงชิ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากมีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นครฉงชิ่งได้ผลักดันแผนยุทธศาสตร์ อุตสาหกรรม ยานยนต์ของนครฉงชิ่งสู่ตลาดโลกในบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ และห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกและในปี 2567 นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์รวม 477,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 คิดเป็นมูลค่ารวม 43.11 พันล้านหยวน (6.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของการค้าต่างประเทศของนครฉงชิ่ง
ทางด้านการขนส่ง จีนได้ใช้มาตรการอำนวยความสะดวก เช่น การจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรบวนรถไฟและอุปกรณ์ขนส่งเพื่อให้การส่งออกยานยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะสถานีรถไฟหลานกานถานในเขตหย่งชวนซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญสำหรับยานยนต์ยี่ห้อ Great Wall และได้ตั้งฐานการผลิตแบบครบวงจรแห่งที่ 5 ของโลกที่เป็นโรงงานอัจฉริยะของนครฉงชิ่งซึ่งสามารถผลิตรถยนต์รุ่นยอดนิยม ได้แก่ Great Wall Poer Tank 300 และ Haval H9 ไปแล้วกว่า 1 ล้านคัน สร้างมูลค่าการผลิตรวม 167.5 พันล้านหยวน (23.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ของนครฉงซึ่งที่รวดเร็วขึ้น ทำให้การขนส่งทางรถไฟซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำกว่าทางอื่น สามารถเชื่อมต่อกับการขนส่งทางถนน ทางน้ำและทางทะเลได้อย่างลงตัว เพิ่มความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนและศักยภาพของนครฉงชิ่งในฐานะศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ทำให้การขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในนครฉงชิ่งมีประโยชน์ต่อประเทศไทยในหลายด้าน ดังนี้
1. โอกาสในการส่งออกสินค้าผ่านเส้นทางขนส่งที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำ
การที่นครฉงชิ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงการขนส่งทางรถไฟ กับทางถนน ทางน้ำ และทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถใช้ช่องทางขนส่งที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและตะวันออกกลาง
2. การเสริมสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์
การที่นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน ๕๗,๐๐๐ คันในปี ๒๕๖๗ และมีการเติบโตที่ร้อยละ ๑๑๕.๓ จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยร่วมมือกับจีนในด้านการพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีศักยภาพในการส่งเสริมการ พัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
3. การเข้าถึงตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง
การส่งออกยานยนต์จากนครฉงชิ่งผ่านการขนส่งทางเรือไปยังตะวันออกกลางและยุโรป เป็นการขยายตลาดของ อุตสาหกรรมยานยนต์จีน สร้างโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้โดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานขนส่งของจีน
4. โอกาสในการร่วมพัฒนาฐานการผลิต
การที่นครฉงชิ่งมีฐานการผลิตที่ครบวงจรสำหรับยานยนต์ยี่ห้อ Great Wall จะเป็นโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการผลิตยานยนต์ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยานยนต์ในไทย
5. การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
การที่นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้ จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีและแนวทางจากจีนมาปรับใช้
6. การกระจายสินค้าไทยในตลาดโลก
การที่ยานยนต์ที่ผลิตในนครองซึ่งสามารถกระจายไปสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะเป็นโอกาสสำหรับสินค้าของไทยในการเข้าสู่ตลาดโลกผ่านช่องทางการขนส่งและความร่วมมือทางการค้ายานยนต์ไฟฟ้า
ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู
เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์